posttoday

ปตท.แนวโน้มฟื้นตัว

02 กันยายน 2556

โดย...เจียรนัย อุตะมะ

โดย...เจียรนัย อุตะมะ

บริษัท ปตท. (PTT) ประสบเหตุการณ์ฟ้าผ่าโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 5 ขณะที่ราคาน้ำมันฟื้นหลังผ่านฤดูกาลราคาต่ำสุดในไตรมาส 2 และสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาปรับตัวขึ้นแรงจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอียิปต์และความกังวลเรื่องสหรัฐจะโจมตีประเทศซีเรีย โดยผู้บริหารบริษัทนี้ให้ข้อมูลล่าสุดว่า โรงแยกก๊าซแห่งที่ 5 จะกลับมาเดินเครื่องก่อนกำหนด

สถานการณ์ช่วงนี้ช่างเอื้ออำนวยต่อการดำเนินงานของ PTT อย่างมาก

“สุรงค์ บูลกุล “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. (PTT) ยังคงประมาณการราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีนี้ไว้ที่ 105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แม้ปัจจุบันราคาน้ำมันมาอยู่ระดับ 107 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นระดับราคาที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากความไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง ทั้งกรณีอาหรับสปริงในอียิปต์และปัญหาในซีเรีย ขณะที่สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มมีความชัดเจนขึ้น ส่งผลบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันให้มีโอกาสปรับขึ้น

สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันในระยะถัดไป PTT คาดว่าจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งในอาหรับ หากยังสามารถควบคุมไม่ให้มีเหตุรุนแรงจนเป็นสงครามราคาน้ำมันมีโอกาสที่อ่อนตัวลงได้ แต่หากเกิดความรุนแรงมีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นไปขึ้น อีกทั้งในช่วงนี้ยังเป็นช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐ ส่งผลให้มีปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น จากนั้นภายหลังเดือน ก.ย. จะกลับสู่ภาวะปกติและกลับมาเพิ่มสูงอีกครั้งในไตรมาส 4 เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีน้ำหนักสนับสนุนราคาน้ำมันดิบโลกในช่วงที่เหลือของปี แม้ระยะสั้นอาจจะอ่อนตัวเพราะความตึงเครียด

ทั้งนี้ ราคานํ้ามันดิบดูไบล่าสุดอยู่ที่ 111 เหรียญสหรัฐ อ่อนตัวจาก 114 เหรียญสหรัฐ และทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบ จากต้นปีจนถึงปัจจุบันเฉลี่ย 104.58 เหรียญสหรัฐ หากราคาน้ำมันดิบดูไบยืนที่ระดับ 110,115 และ 120 เหรียญสหรัฐ ไปจนถึงสิ้นปี 2556 จะทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 106.38, 108.05 และ 109.72 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับซึ่งสูงกว่าสมมติฐานของนักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มพลังงานของ บล.เอเซีย พลัส ที่คาดไว้ที่ 100 เหรียญสหรัฐ

"สุรงค์"กล่าวว่า แนวโน้มกำไรทั้งปีนี้ของบริษัทจะปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 1.05 แสนล้านบาท เนื่องจากผลกระทบกรณีที่บริษัทมีภาระเข้าไปอุดหนุนราคาก๊าซ แม้ในปีนี้ทั้งธุรกิจสายปิโตรเคมี และน้ำมันจะมีการขยายตัวที่ดี

ด้านผลกระทบเรื่องฟ้าผ่าโรงแยกก๊าซที่ 5 ประเมินความเสียหายเบื้องต้น 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,400 ล้านบาท โดยมีการทำประกันคุ้มครองไว้ครอบคลุมความเสียหาย 2 ใน 3 ส่วนและมีโอกาสที่โรงแยกก๊าซจะกลับมาผลิตได้เร็วจากคาดการณ์เดิมที่วางกรอบเวลาไว้ใน 3-5 เดือน ซึ่งเวลาที่ชัดเจนยังอยู่ระหว่างการหารือ

ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 เดือนนี้ บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทเพื่อขายในประเทศวงเงิน 1-3 หมื่นล้านบาท เพื่อทดแทนเงินกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน ทั้งนี้ ปัจจุบันพอร์ตหนี้สินของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 3.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นหนี้สกุลเงินบาทสัดส่วน 70% และอีก 30% สกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งสัดส่วนที่มีความสมดุลเพราะใกล้เคียงกับแหล่งรายได้ของบริษัททั้งจากในและต่างประเทศ

นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส แนะนำซื้อหุ้น PTT เพราะจะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามลำดับ

เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ที่แนะนำซื้อหุ้นนี้และให้ราคาเป้าหมาย 450 บาท เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวก จากกรณีโรงแยกก๊าซกลับมาเดินเครื่องก่อนกำหนด

“จากการพูดคุยกับผู้บริหาร PTT เกี่ยวกับประเด็นโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 5 ได้รับข้อมูลว่ามีความเป็นไปได้ที่จะสามารถกลับเดินเครื่องได้ก่อนกำหนด โดย PTT วางเป้าหมายจะกลับมาดำเนินการผลิตบางส่วนให้ได้ภายใน 3 เดือน (อัตราการใช้กำลังการผลิตประมาณ 50-75%)”

โรงแยกก๊าซหน่วยที่ 5 ปิดชั่วคราวได้กระทบกำไรปี 2556 ของ PTT ไม่มาก จากเหตุฟ้าผ่าอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนจากไอเสียเครื่องยนต์ (Waste Heat Recovery Unit, WHRU) ของโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 5 เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ทำให้ PTT ตัดสินใจหยุดผลิตก๊าซจากหน่วยดังกล่าวและคาดว่าจะใช้เวลาซ่อมแซมอุปกรณ์ 3-5 เดือน โดยก่อนหน้านี้ประเมินว่าผลกระทบดังกล่าวจะไม่มีนัยสำคัญต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2556 โดยคาดว่าจะมีมูลค่าไม่เกิน 2,900 ล้านบาท คิดเป็น 2.8% ของกำไรสุทธิปี 2556 ที่คาดการณ์ไว้ที่ 103,596 ล้านบาท

การกลับมาเดินเครื่องได้ก่อนกำหนดจะเป็นผลดีต่อทั้ง PTT และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) แม้ว่าจะยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะต้องหยุดเดินเครื่องยนต์นานถึง 5 เดือนมาเหลือเพียง 3 เดือน แต่เชื่อว่าการกลับมาเดินเครื่องได้เร็วกว่ากำหนดการเดิมจะเป็นปัจจัยช่วยลดความกังวลต่อการลงทุนใน PTT (รวมถึง PTTGC ที่ได้ผลกระทบทางอ้อม) ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 3 ของ PTT ที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นน่าจะเป็นอีกปัจจัยบวกสนับสนุนการลงทุนในระยะสั้น

ล่าสุด กำไรไตรมาส 2 ปี 2556 ของ PTT อยู่ที่ 12,278 ล้านบาท ลดลง 60% จากไตรมาสแรก และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อย จากรายได้สุทธิจากบริษัทในเครือที่ลดลงประกอบกับกำไรจากบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ที่ปรับตัวลดลงและรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศก้อนใหญ่