posttoday

เสี่ยงปล่อยกู้รถเก่า

15 สิงหาคม 2556

โดย...ทีมข่าวหุ้น-ตลาดทุน

โดย...ทีมข่าวหุ้น-ตลาดทุน

กลุ่มสินเชื่อรถยนต์เป็นกลุ่มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มสูงมากตั้งแต่ปี 2554 ยกเว้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ธนาคารเกียรตินาคิน (KK) บริษัท ทุนธนชาต (TCAP) บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เห็นเอ็นพีแอลสินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้น 28% ในปี 2555 และ 24% ในครึ่งแรกปีนี้ โดยมีสาเหตุมาจากการปล่อยสินเชื่อรถยนต์มือสองใน 2554-2555 ด้วยในช่วง 18 เดือนแรกของการผ่อนชำระเงินงวดเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิด เอ็นพีแอล มากที่สุด

“เราเชื่อว่า เอ็นพีแอล ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากในปี 2555-ครึ่งแรกปี 2556 ได้สะท้อนในคุณภาพสินเชื่อรถยนต์ที่อ่อนแอในปี 2554 แล้ว ดังนั้นเราเห็นความเสี่ยงของการเกิดเอ็นพีแอลในขณะนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินเชื่อที่ปล่อยในปี 2555 โดย TCAP ตามด้วย SCB เป็นธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อรถยนต์มือสองในปี 2555 มากที่สุด”

ในด้านของอัตราร้อยละของสินเชื่อรวมธนาคารเกียรตินาคิน (KK) ปล่อยสินเชื่อรถยนต์มือสองมากสุดตามด้วย TCAP และ TISCO

บล.ธนชาตคาดเอ็นพีแอล สินเชื่อรถยนต์ครึ่งปีหลังเพิ่ม 28% จากครึ่งปีแรกโดยวิเคราะห์ความเสี่ยงการเกิด เอ็นพีแอล โดยใช้สมมติฐานอัตราการก่อตัว เอ็นพีแอล ต่อสินเชื่อในปี 2554

“เราคาดว่าสินเชื่อรถยนต์ที่ปล่อยในปี 2555 จะทำให้เอ็นพีแอล รถเก่าเพิ่มขึ้น 5,500 ล้านบาท จากยอดเอ็นพีแอล 1,980 ล้านบาท ณ ไตรมาส 2 ปี 2555 หรือหมายถึง เอ็นพีแอล รวมครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น 12-32% จากครึ่งปีแรก

สำหรับ KK TCAP TISCO และ SCB คาดว่าอัตราการเกิด เอ็นพีแอล จะชะลอตัวในปี 2557 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งปีหลัง เนื่องจากธนาคารได้ลดการปล่อยสินเชื่อรถยนต์มือสองแล้ว ในขณะที่ผลกระทบต่อเอ็นพีแอลของกลุ่มธนาคารไม่รุนแรง คาดว่าจะอยู่ที่ต่ำกว่า 4%

การเพิ่มขึ้นของ เอ็นพีแอล มีผลกระทบต่อกำไรของธนาคารผ่านการขาดทุนจากการขายรถยึดและการตั้งสำรองสูงขึ้น KK มีผลขาดทุนจากการตัดหนี้สูญจำนวน 400 ล้านบาทในครึ่งแรกปีนี้

KK และ TISCO เพิ่มประมาณการ ต้นทุนเครดิต มากกว่า 1.1% ในปี 2556 เนื่องด้วยสินเชื่อรถยนต์คิดเป็น 12% ของสินเชื่อทั้งหมดและการเกิด เอ็นพีแอลในกลุ่มอื่นๆ อยู่ในระดับต่ำ SCB เพิ่มการตั้งสำรองไม่มาก ในขณะที่ TCAP ใช้กำไรจากการขายเงินลงทุนบริษัทประกันในการเพิ่ม Loan Loss Coverage Ratio เป็น 83%

ราคาหุ้นของ KK TISCO และ TCAP ปรับตัวลดลง 7-22% เราคิดว่าข่าวร้ายถูกสะท้อนในราคาหุ้นแล้ว เราเห็นโอกาสที่ราคา KK และ TISCO ลดลงอีกมีจำกัด และคงคำแนะนำ “ซื้อ” ส่วน SCB ไม่ควรได้รับผลกระทบมากแต่เนื่องด้วยโอกาสราคาเพิ่มขึ้นต่อราคาเป้าหมายมีจำกัด ดังนั้นคงคำแนะนำ “ถือ” SCB พร้อมด้วย BAY ที่เรามองว่าปรับขึ้นถูกจำกัดด้วยราคาเสนอซื้อ