posttoday

"HOP INN"เพิ่มมูลค่าERW

22 กรกฎาคม 2556

โดย...บล.เอเซีย พลัส

โดย...บล.เอเซีย พลัส

นักวิเคราะห์ในตลาดเชื่อว่า HOP INN จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กำไรบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) 1-12%

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง ประมาณการเบื้องต้นว่าผลกระทบจากการประกาศแผนการขยายโรงแรมของ (ERW) โดย “กษมา บุณยคุปต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จะมีมูลค่าเพิ่มต่อหุ้นที่ 0.3-0.7 บาท ต่อราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2556 ที่ 6.80 บาท (ลดลงเล็กน้อยจาก 7 บาท เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานอัตราผลตอบแทนจากตลาด จาก 12.1% เป็น 12.4%) โดยหลังจากแรงเทขายในไตรมาส 2/2556 ที่ผ่านมา ทำให้ ERW มีระดับการซื้อขายต่ำกว่า Replacement Value ที่ 6.27 บาทต่อหุ้น อยู่ถึง 38% ดังนั้นจึงแนะนำ ซื้อ!

หลังจากศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและสร้างทีมบริการจัดหารเป็นเวลา 2 ปี ERW เปิดตัวโรงแรมชั้นประหยัดแห่งใหม่ (ราคาต่ำกว่าไอบิส) ภายใต้แบรนด์ที่เป็นเจ้าของเองแบรนด์ใหม่ “HOP INN” ซึ่งทำให้บริษัทเป็นทั้งผู้บริหารจัดการโรงแรมและเจ้าของโรงแรมด้วย

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็นผู้เดินทางติดต่อธุรกิจภายในประเทศ (ไม่มีผลกระทบทางฤดูกาล) ด้วยราคาค่าห้องเฉลี่ยต่อวันที่ 600 บาท เงินลงทุนรวมอยู่ในระดับต่ำมากเพียง 0.73 ล้านบาทต่อห้อง อีกทั้งยังเป็นการ|เจาะกลุ่มลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง ERW เชื่อว่าคุณภาพของ HOP INN ที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งที่เป็นรายย่อยนั้นจะเป็นจุดเด่นของแบรนด์และสินค้า

บริษัทซื้อที่ดินแล้วจำนวน 9 แห่ง อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงแรม HOP INN ที่ จ.อุบลราชธานี มุกดาหาร หนองคาย อุดรธานี นครราชสีมา สระแก้ว กาญจนบุรี แม่สอด (ตาก) และลำปาง

ERW วางแผนที่จะเปิดโรงแรม HOP INN ทั้งหมด 25 แห่งในประเทศไทยและอีก 5 แห่งในอาเซียน ภายในสิ้นปี 2558 โดยได้ตั้งเป้าหมายกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาจาก HOP INN ไว้ที่ 15% ภายในปี 2559 ทั้งนี้ ERW มีงบลงทุนสำหรับแผนการขยายโรงแรมชั้นประหยัดจำนวน 2,900 ล้านบาท สำหรับปี 2556-2558 โดยจะไม่มีการเพิ่มทุน เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิจะลดลงมาอยู่ที่เพียง 1.3 เท่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย. โดยคำนวณที่อัตราส่วน 2.0 เท่า ERW จะมีความสามารถในการกู้ยืมเพิ่มได้อีกถึง 3,000 ล้านบาท
จากสมมติฐานในเชิงอนุรักษนิยมในการเปิดตัวโรงแรม HOP INN จำนวน 10 แห่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 คำนวณว่าการขยายธุรกิจดังกล่าวจะส่งผลให้ประมาณการรายได้ปี 2557 เพิ่มขึ้น 1% และปี 2558 เพิ่มขึ้น 2%

“เราคาดการณ์ว่าจะเพิ่มรายได้จากประมาณการของเราอีก 1% สำหรับปี 2557 และ 2% สำหรับปี 2558 และผลกระทบมากขึ้นสำหรับปี 2558 คือเพิ่มประมาณการกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา อีก 4% และเพิ่มกำไรสุทธิอีก 5%”

นอกเหนือจากโรงแรม HOP INN แล้ว ERW ได้เปลี่ยนสัญญาการบริหารจัดการสำหรับโรงแรมเมอร์เคียวและไอบิสเป็นแฟรนไชส์ (มีผลวันที่ 1 ก.ค.) จากประสบการณ์ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ไอบิสกว่า 7 ปี

นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง มองว่า ERW มีความสามารถในการบริหารจัดการในกลุ่มโรงแรมชั้นประหยัด โดยผลประโยชน์หลักในการบริหารจัดการโรงแรมเองคืออัตรากำไรที่สูงขึ้น (ไม่มีค่าธรรมเนียมบริหารจัดการ) และโอกาสในการขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วผ่านระบบแฟรนไชส์ หรือสัญญาการบริหารจัดการโรงแรมในระยะยาว

ผลการดำเนินงานหลักที่ขาดทุนในไตรมาส 2-3/2556 ที่มาจากช่วงโลว์ซีซันและการปรับปรุงโรงแรมไฮแอท เอราวัณ บล.บัวหลวงประเมินมูลค่าขาดทุนหลักไตรมาส 2/2556 ที่ 50 ล้านบาท (ขาดทุนหลัก 15 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2555) และ 35 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 3/2556 (ขาดทุน 54 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2555)

อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิไตรมาส 2/2556 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 751 ล้านบาท (กำไรจากการขายสินทรัพย์ให้แก่ ERWPF จำนวน 860 ล้านบาท หักด้วยการตั้งด้อยค่าโรงแรมนาคา ภูเก็ต จำนวน 59 ล้านบาท)

นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คงประมาณการกำไรปีนี้ที่ 202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% จากปี 2555 และปรับประมาณการปี 2557-2559 ขึ้น 3-12% สะท้อนรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเข้ามาของ HOP INN และคาดว่าจะสามารถทำกำไรตั้งแต่ปีแรก จากทำเลที่ดีรวมถึงคุณภาพของห้องที่สูงกว่าคู่แข่ง น่าจะดึงดูดลูกค้าเป้าหมายให้ลองเข้ามาใช้บริการและสร้างความประทับใจได้

ทั้งนี้ ได้ลดราคาที่เหมาะสมจาก 7.20 บาทเหลือ 6.20 บาทสะท้อนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเป็นขาขึ้น ERW เป็นบริษัทที่ใช้เงินกู้สูงโดย บล.ฟินันเซีย คาดว่าปีหน้าดอกเบี้ยจะปรับขึ้น 0.50% แต่ยังแนะนำซื้อ โดยเชื่อว่าผลการดำเนินงานปกติไตรมาส 2 จะเป็นไตรมาสที่แย่ที่สุด และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่เหลือของปีก่อนจะทำจุดสูงสุดในไตรมาสแรกปีหน้า โดยราคาที่เหมาะสมของ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เทียบเท่ามูลค่ากิจการต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม 15 เท่า ซึ่งมีส่วนลดเทียบกลุ่มที่อยู่ 19-20 เท่าเหมาะสมกับอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นของ ERW ที่ยังต่ำ

ดังนั้น คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2 จะยังขาดทุน 54 ล้านบาท เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซันรวมถึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าเป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของปีที่แล้ว และจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี