posttoday

โฆสิตจี้รัฐประเมินผลงานหลังศก.แย่ลง

10 กรกฎาคม 2556

"โฆสิต"จี้รัฐประเมินผลงานหลังกระตุ้นเศรษฐกิจตลอด12เดือนแต่ทิศทางกลับแย่ลง ด้าน"เศรษฐพุฒิ"แนะให้ดูแลส่งออกภาคเกษตรมากขึ้น

"โฆสิต"จี้รัฐประเมินผลงานหลังกระตุ้นเศรษฐกิจตลอด12เดือนแต่ทิศทางกลับแย่ลง ด้าน"เศรษฐพุฒิ"แนะให้ดูแลส่งออกภาคเกษตรมากขึ้น

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ กล่าวถึง รายงานภาวะเศรษฐกิจล่าสุดของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่เศรษฐกิจมีทิศทางชะลอตัวว่า ต้องไปตั้งคำถามกับรัฐบาลที่ได้มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมาตลอด 12 เดือน แต่ทำไมจึงไม่ได้ผล หากรัฐบาลตอบตรงนี้ไม่ได้ก็คงยาก เนื่องจากมาตรการที่ทำมาเยอะแล้ว ก็ต้องตอบโจทย์ที่ทำมาแล้วจนถึงขณะนี้ รัฐบาลต้องกลับไปถามตัวเองว่า ทำไมไม่ได้ผล และทำให้ทิศทางเศรษฐกิจออกมาในทางที่ถดถอยลง

“ในมุมมองของผมคิดว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจที่รับได้คือ 4% ถือว่าพอสมควร เพียงแต่เกิดคำถามว่ากระตุ้นเศรษฐกิจแล้วทำไมถึงได้แค่นี้ ส่วนเครื่องมือที่จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องกลับไปถามรัฐบาลอีกว่าจะทำอะไรต่อ และต้องไปประเมินด้วยว่าทำไมที่ทำมาจึงไม่ได้ผล ถึงแม้ว่าจะมีการเสนอให้ใช้อัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องกลับไปถามกนง.ด้วยว่าที่ลดดอกเบี้ยก่อหน้ามีความคาดหวังอะไรและได้ตามที่คาดหวังหรือไม่” นายโฆสิต กล่าว

นายโฆสิต กล่าวว่า ส่วนรัฐบาลเตรียมหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงค่าครองชีพแพง ก็ต้องถามกลับไปยังรัฐบาลอีก เกี่ยวกับมาตรการที่ออกไปในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการขึ้นค่าแรงงาน 300 บาท รถยนต์คันแรก ได้ผลมากน้อยเพียงใด มีปัญหาตรงจุดไหน หากไม่ได้ก็ไม่ควรออกมาตรการใดๆ เพิ่มเติม เพราะมองว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ 4% น่าจะเพียงพอแล้ว

สำหรับการพิจารณาปรับดอกเบี้ยนโยบาย เห็นว่า ควรสะท้อนกับภาวะตลาดของไทย เมื่อสถานการณ์ผันผวนก็ควรรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจน และการปรับอัตราดอกเบี้ยลดลงคงไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากนัก ส่วนปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน หนี้ภาคธุรกิจ หนี้ภาครัฐ ล้วนแต่ก่อให้เกิดปัญหากันทุกประเทศ ดังนั้นจึงอยู่ที่การบริหารจัดการดูแล ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ออกมาพูดว่าจะติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด

“ผมก็พูดมาตลอดว่าลดดอกเบี้ยไม่สามารถที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะแบงก์ไม่ได้กู้เงินจากกนง. ซึ่งแบงก์ก็ยังมีการแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ยสูง เพราะต้นทุนการเงินของแบงก์คือเงินฝาก” นายโฆสิตกล่าว

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันอนาคตไทยศึกษา เปิดเผยว่า มองอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้อยู่ที่ 4.1% และคงไปไม่ถึง 4.5% และไม่น่าต่ำกว่า 4% และในการพิจารณาลดหรือคงดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) คงไม่ได้ส่งผลต่อตัวเลขเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจไทยตอนนี้ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ เนื่องจากปัจจัยสำคัญมาจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มากกว่า ธปท.

ส่วนกรณีที่มีคนมองว่าการลดดอกเบี้ยลงจะเกิดฟองสบู่นั้น ส่วนตัวไม่ได้มองเช่นนั้นเพราะสถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมือนวิกฤตปี 2540 เพราะแม้หนี้ครัวเรือนจะสูงจริงแต่ไม่ได้มากมาย ด้านงบดุลบริษัทสัดส่วนหนี้ต่อทุนหรือหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่ได้สูงเลย

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญของการขยายตัวเศรษฐกิจ ขึ้นอยู่กับตัวเลขการส่งออกมากกว่า เพียงแต่มองว่าขณะนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมียอดส่งออกสูงแต่กลับมีส่วนสัมพันธ์กับการจ้างงานไม่ถึง 2% จึงอยากให้ความสำคัญกับการส่งออกของภาคการเกษตร ซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กับการจ้างงานที่สูงมาก นอกจากนี้ต้องถือว่าโชคดีที่ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวสูงมากและมีความยืดหยุ่นสูง