ณรงค์ชัยคาดค่าบาทปีนี้30-31บาท/เหรียญ
ประธานบลจ.เอ็มเอฟซี มองค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า หลังเงินเริ่มไหลกลับไปประเทศหลัก เชื่อจำนำข้าวไม่กระทบเครดิตประเทศ
ประธานบลจ.เอ็มเอฟซี มองค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า หลังเงินเริ่มไหลกลับไปประเทศหลัก เชื่อจำนำข้าวไม่กระทบเครดิตประเทศ
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินบาทในปีนี้คาดว่าจะอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศที่กำลังพัฒนา หลังจากสกุลเงินของประเทศหลัก อย่าง สหรัฐ ยูโร และญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นหลังเงินทุนไหลกลับ โดยคาดว่าค่าเงินบาทในปีนี้น่าจะอยู่ในกรอบ 30-31 บาท/เหรียญสหรัฐ หากไม่มีปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม แม้จะยังเป็นห่วงหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงระดับ 80% ของจีดีพี ซึ่งอาจจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศได้ แต่หนี้ของภาคเอกชนและภาครัฐยังไม่สูงมาก ทำให้ภาพรวมยังดีและคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2556 จะขยายตัวได้ประมาณ 4% ถือเป็นระดับที่พอใช้และดุลบัญชีเดินสะพัดก็ยังเป็นบวก แม้ว่าดุลการค้าจะขาดดุล แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นระดับสมดุล
สำหรับเงินทุนเคลื่อนย้ายออกไปหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศที่จะชะลอและยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ออกมาชัดเจน ทำให้เงินไหลออกและคาดว่าในปีนี้ เงินไหลเข้าคงไม่น่าเป็นบวกทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้
นายณรงค์ชัย กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลกลับไปรับจำนำข้าวในราคาตันละ 15,000 บาทเท่าเดิม มองว่าจะสร้างความเสียหายต่อภาครัฐอย่างต่อเนื่อง แต่อาจน้อยลงจากเดิมจากการจำกัดปริมาณรับจำนำต่อครอบครัว อีกทั้งมองว่าเกษตรกรไม่ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นราคารับจำนำครั้งนี้ เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่เช่าที่ดิน เมื่อราคารับจำนำสูงขึ้น เจ้าของที่ดินก็จะปรับราคาเช่าเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งที่สุดแล้วเชื่อว่าโครงการต้องยกเลิกไปในที่สุด แต่ขณะนี้มองว่าโครงการรับจำนำข้าวจะไม่กระทบต่อเครดิตของประเทศ
สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ เห็นว่าการทำงานของรัฐบาลจะต้องรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะการประชุมในรูปแบบของคณะกรรมการต่าง ๆ จะต้องมีการประชุมให้รวดเร็ว โดยเฉพาะในเรื่องเร่งด่วน เพราะที่ผ่านมาการประชุมของคณะกรรมการต่าง ๆ มีความล่าช้าเกินไป จนเกิดความเสียหายไม่ทันต่อเหตุการณ์