posttoday

ต่างชาติเที่ยวสงกรานต์เงินสะพัดเกือบ3หมื่นล้าน

12 เมษายน 2556

ศูนย์วิจัย ประเมิน ต่างชาติเที่ยวไทยช่วงสงกรานต์ปีนี้ สร้างเม็ดเงินสะพัดเกือบ 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1%

ศูนย์วิจัย ประเมิน ต่างชาติเที่ยวไทยช่วงสงกรานต์ปีนี้ สร้างเม็ดเงินสะพัดเกือบ 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจากข้อมูลชี้ว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงปลายปี 2555 ต่อเนื่องมาในช่วงต้นปี 2556 ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยวของตลาดระยะไกลในยุโรป (เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์) โดยสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธันวาคม 2555 โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังประเทศไทยสูงถึง 2.38 ล้านคนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวจริงจัง ตั้งแต่ปีท่องเที่ยวไทย 2530 เป็นต้นมา และยังคงรักษาระดับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยต่อเดือนไว้ได้ใกล้เคียง 2.3 ล้านคนในไตรมาสแรกของปี 2556 โดยได้แรงขับเคลื่อนสำคัญจากตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งมีจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นตลาดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงอย่างเด่นชัด รวมทั้งนักท่องเที่ยวรัสเซียจากภูมิภาคยุโรป

โดยปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในช่วงดังกล่าว คือ ความโดดเด่นในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความคุ้มค่าเงินของไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย และจุดเด่นในด้านบริการที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย รวมทั้งความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวในไทย ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นอกจากนี้ ความสะดวกในการเดินทางมายังประเทศไทย จากการขยายเส้นทางการบิน/ การเพิ่มเที่ยวบิน ของธุรกิจการบินต้นทุนต่ำ และการเพิ่มเที่ยวบินตรงจากตลาดท่องเที่ยวสำคัญๆ ในต่างประเทศมายังประเทศไทย ทั้งเที่ยวบินประจำและเที่ยวบินเช่าเหมาลำ และการรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ส่งผลกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว และการเดินทางเข้ามาติดต่อด้านการค้าการลงทุนในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนรวมทั้งประเทศไทย ประกอบกับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในตลาดต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านการตลาด

ปัจจัยดังกล่าวล้วนส่งเสริมให้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่องมาในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 6.83 ล้านคนเพิ่มขึ้น 18.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

สงกรานต์ปี’56 ต่างชาติเที่ยวไทย..คึกคัก : รายได้สะพัดเกือบ 3 หมื่นล้านบาท

สำหรับในเดือนเมษายนมีงานเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย คนไทยต่างร่วมกิจกรรมตามประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านาน ได้แก่ การทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ รดน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคลสำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง รวมถึงมีการละเล่นรื่นเริงสนุกสนานต่างๆ เมื่อประกอบกับเป็นในช่วงสงกรานต์มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน (ในปีนี้รัฐบาลประกาศให้มีวันหยุดเนื่องในวันสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 12-16 เมษายน 2556) สมาชิกในครอบครัวต่างมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อทำบุญและสังสรรค์ร่วมกัน บ้างก็ถือโอกาสเดินทางท่องเที่ยวกันในครอบครัว หรือในกลุ่มเพื่อนฝูง

ในปีนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สนับสนุนการจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 13 จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สุโขทัย สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี ขอนแก่น นครพนม หนองคาย สมุย ภูเก็ต นครศรีธรรมราช และสงขลา นอกจากนี้ ยังมีการจัดเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่อื่นๆ ทั่วทุกภาค เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ท่องเที่ยวสะพัดสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้น แม้ว่าในเดือนเมษายนจะอยู่นอกฤดูท่องเที่ยวของตลาดระยะไกลจากยุโรปแล้วก็ตาม แต่คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยจากตลาดระยะใกล้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมและงานประเพณีสงกรานต์ของไทย โดยเฉพาะตลาดท่องเที่ยวหลักของไทยในภูมิภาคนี้ คือ จีน  ซึ่งนอกจากเดินทางมาเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม คือ กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต แล้ว ยังเริ่มกระจายการท่องเที่ยวไปตามแหล่งท่องเที่ยวแห่งอื่นๆ โดยเฉพาะเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์จีนที่มาถ่ายทำในประเทศไทยและได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ชาวจีน

นอกจากนี้ ยังมี มาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ตามแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้ตอนล่างของไทย โดยเฉพาะหาดใหญ่ สำหรับตลาดท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มีศักยภาพและคาดว่า ในเดือนเมษายนนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยประมาณ 15-20% ได้แก่ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ รวมทั้ง รัสเซีย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดการณ์ว่า ในเดือนเมษายน 2556 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.0 ล้านคนเพิ่มขึ้น 18.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และก่อให้เกิดรายได้ท่องเที่ยวเข้าประเทศคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 8.37 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 20.0% จากปีที่แล้ว

ขณะในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 5 วัน คือ วันที่ 12 - 16 เมษายน 2556 หลายพื้นที่ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญในภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ต่างจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์กันอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ท่องเที่ยวให้สะพัดสู่ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว

เมื่อพิจารณาเฉพาะในช่วงวันหยุดสงกรานต์ 5 วัน (วันที่ 12-16 เมษายน 2556) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยประมาณ 35% ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในช่วงเดือนเมษายน 2556 (จำนวน 2.0 ล้านคน) หรือคิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณไม่ต่ำกว่า 7 แสนคนเพิ่มขึ้น 16.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และก่อให้เกิดรายได้ท่องเที่ยวสะพัดตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศในช่วงสงกรานต์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.93 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

สำหรับรายได้ท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเทศกาลสงกรานต์มูลค่าประมาณเกือบ 3 หมื่นล้านดังกล่าว มีแนวโน้มกระจายสู่ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญๆ ดังนี้

ต่างชาติเที่ยวสงกรานต์เงินสะพัดเกือบ3หมื่นล้าน

ธุรกิจด้านที่พัก เม็ดเงินส่วนใหญ่คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,800 ล้านบาท มีแนวโน้มกระจายสู่ธุรกิจด้านที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรม และรีสอร์ท ที่อยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ในภาคต่างๆ ทั่วประเทศ จากข้อมูลสถิติสถานที่พักแรมสำหรับนักท่องเที่ยว ของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในปี 2554 มีจำนวนที่พักรวมทั้งสิ้น 11,389 แห่ง ซึ่งมีห้องพักรวมกัน 530,623 ห้อง ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ คือ 28.4% หรือจำนวน 150,931 ห้อง อยู่ในภาคใต้ รองลงมา คือ กรุงเทพฯ ในสัดส่วน 18.0% หรือจำนวน 95,583 ห้อง ตามมาด้วยภาคเหนือ ในสัดส่วน 16.7% ภาคตะวันออกในสัดส่วน 16.0% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในสัดส่วน 9.7% ภาคตะวันตกในสัดส่วน 6.5% และภาคกลางในสัดส่วน 4.7% ตามลำดับ

ธุรกิจด้านการจับจ่ายซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยว เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,400 ล้านบาท มีแนวโน้มกระจายไปสู่ธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งร้านจำหน่ายสินค้าประเภทต่างๆ ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ตั้งแต่สินค้าแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลก สินค้าประเภทอัญมณีและเครื่องประดับ ที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วยฝีมือการเจียระไนอัญมณีที่ละเอียดและประณีตของช่างไทย สินค้ามาตรฐานส่งออก อาทิ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ผลิตภัณฑ์เซรามิก ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์ด้านไอทีต่างๆ รวมทั้งสินค้าหัตถกรรมไทย และสินค้าโอทอปที่เลื่องชื่อของแต่ละท้องถิ่น

ธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,300 ล้านบาท มีแนวโน้มกระจายไปสู่ธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภัตตาคาร และร้านอาหาร ตามแหล่งท่องเที่ยว (ที่ตั้งภายในโรงแรม และตั้งอยู่ภายนอกโรงแรม อาทิ ศูนย์การค้า และย่านที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมาจับจ่ายซื้อสินค้า) มีทั้งร้านอาหารไทย ร้านอาหารนานาชาติ ร้านอาหารซีฟู้ด รวมไปถึงเรือดินเนอร์ ล่องตามลำน้ำ สายสำคัญ อาทิ ลำน้ำเจ้าพระยา ในกรุงเทพฯ และลำน้ำปิง ในเชียงใหม่ เป็นต้น

ุธุรกิจด้านบันเทิงและนันทนาการ เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,200 ล้านบาท มีแนวโน้มกระจายไปสู่ธุรกิจด้านบันเทิงและบริการด้านนันทนาการต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นสถานบันเทิงยามราตรี และการแสดงบนเวที (อาทิ โชว์ประเภทต่างๆ การแสดงนาฏศิลป์ไทย ) สถานที่ท่องเที่ยวประเภทต่างๆ ที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมา รวมทั้งสวนน้ำสวนสนุก สวนพักผ่อน และกีฬาต่างๆ (อาทิ กีฬาทางน้ำ และกอล์ฟ) ตลอดจนบริการนวดแผนไทย และสปาไทย

ธุรกิจด้านคมนาคมขนส่ง เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท มีแนวโน้มกระจายไปสู่ธุรกิจด้านคมนาคมขนส่งภายในประเทศไทย (อาทิ ธุรกิจรถเช่า และบริการเรือท่องเที่ยว)

ธุรกิจด้านการนำเที่ยว เม็ดเงินคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท มีแนวโน้มกระจายไปสู่ธุรกิจบริการนำเที่ยวภายในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งรวมทั้งมัคคุเทศก์