กยศ.ชี้30%กู้เรียนส่อชักดาบ

เผยผลวิจัยพบคนจบ ปริญญาตรี รายได้ต่ำเกิน ไม่พอใช้จ่าย ชักดาบเงินกู้ กยศ. 30%

นายเกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า จากผลวิจัยเกี่ยวกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาในไทย พบว่าจำนวนนักศึกษาที่กู้ยืมเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 30% ของจำนวนผู้กู้ยืม คิดจะไม่จ่ายเงินคืนกองทุนเมื่อจบการศึกษา
ทั้งนี้ มีปัญหาหลักจากรายได้ไม่เพียงพอ เพราะผู้ที่จบปริญญาตรีในปัจจุบันเงินเดือนเริ่มต้นไม่สูงมาก และภาคเอกชนบางแห่งก็ไม่ได้ใช้นโยบายเงินเดือนเริ่มต้น 1.5 หมื่นบาท

จากการวิจัยพบว่าหากจะให้ผู้กู้ยืมเงิน กยศ.ชำระหนี้ได้ ต้องให้จ่ายเงินคืนในอัตรา 8-15% ของรายได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาผ่อนคืนไม่ไหว ซึ่งปัจจุบันผู้กู้ต่อรายต้องคืนเงินในอัตรา 30-40% ของรายได้ ซึ่งเป็นอัตราสูงแต่รายได้ต่ำ

อย่างไรก็ตาม การไม่คืนเงินกู้ กยศ. ก็มีความเสี่ยงที่เงินกองทุนจะเกิดปัญหา ในขณะที่รัฐบาลพยายามลดเงินอุดหนุนกองทุน ฉะนั้นทางหนึ่ง คือ รัฐบาลสามารถให้เงินเปล่าโดยไม่ต้องชำระคืนก็ได้ เมื่อพิจารณาจากอัตราผู้ที่ไม่คืนหนี้ เพราะในหลายประเทศรัฐบาลจะเป็นผู้อุดหนุนค่าการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เพียงแต่รัฐบาลต้องมีระบบการจัดการที่ดี

นายเกียรติอนันต์ กล่าวว่า ปัญหาหนึ่งของผู้ที่จบการศึกษาปริญญาตรีแล้วเงินเดือนน้อย เพราะเรียนในสายที่ไม่ตรงความต้องการของตลาด ได้แก่ สายสังคมศาสตร์และบริหารธุรกิจ และปัญหาผู้จบปริญญาตรีในสายที่ล้นตลาดก็เกิดมา 8 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้แก้ไข ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ผลิตภาพทางการผลิตของไทยจึงไม่เติบโตตามอัตราการเรียนจบปริญญาตรีของคนที่มีจำนวนมากขึ้น

“ประเด็นสำคัญเรื่องเงินอุดหนุนการศึกษาของไทย คือ เรื่องรายได้ผู้ที่จบการศึกษามีรายได้ต่ำมาก และระบบราชการที่เป็นปัญหาเสียเอง” นายเกียรติอนันต์ กล่าว

สำหรับงานวิจัยเกี่ยวกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาในเยอรมนี พบว่าเยอรมนีให้ความสำคัญด้านการศึกษา แต่การให้นักศึกษากู้ยืมแทบไม่ได้รับความนิยม เพราะรัฐบาลเยอรมนีมีนโยบายให้นักศึกษาเรียนฟรีในระดับอุดมศึกษา

ขณะที่มาเลเซีย การกู้เงินของนักศึกษาจะคล้ายกับไทย คือ จำนวนนักศึกษาที่กู้ยืมเงินจากรัฐ 50% มักผิดนัดชำระ หรือไม่จ่ายหนี้คืน ทั้งที่รัฐบาลคิดดอกเบี้ย 1% ตลอดระยะเวลาการชำระหนี้คืน ซึ่งรัฐบาลต้องเป็นฝ่ายกู้ธนาคารพาณิชย์ในอัตรา 4-5% เนื่องจากรายได้ผู้เรียนจบปริญญาตรีไม่สูงมาก จึงเป็นปัญหาคล้ายไทย