posttoday

สบน.ปลื้มฟิตช์เรตติ้งปรับเพิ่มเครดิตไทย

09 มีนาคม 2556

สบน. เผยการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยโดย ฟิตช์ เรตติ้ง สะท้อนเศรษฐกิจไทยแกร่ง แต่ยังกังวลหนี้ผูกพัน

สบน. เผยการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยโดย ฟิตช์ เรตติ้ง สะท้อนเศรษฐกิจไทยแกร่ง แต่ยังกังวลหนี้ผูกพัน

น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) แถลงข่าวผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยโดยบริษัท ฟิตช์ เรตติ้ง (Fitch) ว่า ฟิตช์ ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาล จากระดับ BBB เป็น BBB+ โดยมุมมองที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) และยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาทของรัฐบาลที่ระดับ A- โดยมุมมองที่มีเสถียรภาพ พร้อมทั้งปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะสั้นสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาล จากระดับ F3 เป็น F2 และปรับเพิ่มระดับเพดานอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ จากระดับ BBB+ เป็น A-

ปัจจัยหลักในการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ เนื่องจากเห็นว่า เศรษฐกิจของไทยมีความยืดหยุ่นจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นติดต่อกัน รวมถึงเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างรุนแรงในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 ซึ่งความยืดหยุ่นดังกล่าวเป็นผลจากกรอบนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความยืดหยุ่น อัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เฉลี่ยระหว่างปี 2551-2555 ที่ 2.9% สูงกว่าค่ากลางของประเทศในกลุ่ม BBB และ A ที่มีค่ากลางที่ 2.4% และ 2.5% ตามลำดับ

ความผันผวนของอัตราการเจริญเติบโตเป็นไปในทางเดียวกับค่ากลางของกลุ่ม BBB ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รักษาระดับอัตราเงินเฟ้ออ้างอิงจากราคาผู้บริโภคไว้ในระดับต่ำที่ตัวเลขหลักเดียวมานานกว่า 1 ทศวรรษ รวมถึงประวัติความมีเสถียรภาพของราคาที่เอื้อมากกว่าประเทศในกลุ่ม BBB ได้เพิ่มความสามารถของเศรษฐกิจในการดูดซับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด

ฟิตช์ ได้ปรับปรุงการประเมินความเสี่ยงต่อการคาดการณ์นโยบายและสภาพแวดล้อมในการลงทุนที่เกิดจากความตึงเครียดทางการเมืองและสังคม อัตราการลงทุนได้เร่งตัวสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ดำรงตำแหน่งและไม่ประสบเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงนอกกรอบกฎหมายหลังจากได้รับเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554

ภาคการเงินต่างประเทศของไทยถือเป็นจุดแข็งของการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยเศรษฐกิจไทยมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ต่างประเทศสุทธิในสัดส่วน 42% ของจีดีพี โดย ณ สิ้นปี 2555 สินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของประเทศไทยมีมูลค่าเท่ากับ 45% ของจีดีพี ซึ่งดีกว่าค่ากลางของกลุ่ม BBB ซึ่งอยู่ที่ 4% ปัจจัยนี้ทำให้ประเทศไทยสามารถรองรับผลกระทบจากต่างประเทศได้มากและเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

อันดับความน่าเชื่อถือของไทยได้รับการสนับสนุนจากระดับหนี้ของรัฐบาลที่อยู่ในระดับต่ำ (30% ของ GDP ณ สิ้นปี 2555)  ฟิตช์ คาดว่า งบประมาณจะยังคงสอดคล้องกับระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีในภาพรวมที่ยังคงอยู่ต่ำกว่า 50% ถึงแม้รัฐบาลมีแผนจะเพิ่มค่าใช้จ่ายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

รัฐบาลมีความคืบหน้าที่จับต้องได้ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล โดยอายุคงเหลือเฉลี่ยของหนี้รัฐบาล (Average maturity) และอายุเฉลี่ยของหนี้รัฐบาล (Duration) ได้เพิ่มขึ้นจาก 5.7 ปี และ 4.8 ปี ตามลำดับ ในปี 2551 เป็น 7.9 ปี และ 5.4 ปี ตามลำดับ ในปี 2555 สัดส่วนหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศของรัฐบาลได้ลดลงจาก 20% ของหนี้รัฐบาลทั้งหมดในปี 2543 เหลือเพียง 1.5% ในปี 2555

ในขณะที่ความสามารถทางการคลังในการชำระหนี้ยังคงมีความแข็งแกร่ง แต่จากการคาดการณ์ว่าอาจจะมีการเพิ่มขึ้นของภาระผูกพันจากหนี้ของภาครัฐในภาพรวม ส่งผลให้ไม่มีการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้รัฐบาลสกุลเงินบาทในครั้งนี้ ซึ่งทำให้ส่วนต่างระหว่างอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้สกุลบาทและสกุลเงินต่างประเทศแคบลง

ข้อจำกัดเบื้องต้นของผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ ได้แก่ ระดับรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอันสะท้อนถึงผลิตภาพในการผลิตที่ต่ำและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มน้อย หนี้ของภาคเอกชนโดยเปรียบเทียบอยู่ในระดับสูง และความตึงเครียดทางสังคมและการเมืองที่ลดลงแต่ยังคงดำรงอยู่

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่อาจนำไปสู่การปรับลดความน่าเชื่อถือ ได้แก่  สัญญาณที่แสดงว่าเศรษฐกิจมีความร้อนแรงเกินไป อาทิ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง การเจริญเติบโตของสินเชื่อ และ/หรือการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด (Current account) โดยไม่มีนโยบายที่เหมาะสมรองรับ ที่ทำให้ ฟิตช์ จะต้องทำการประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจมหภาคและกรอบนโยบายการเงินโดยเฉพาะ รวมทั้ง ความตึงเครียดทางการเมืองและสังคมที่เกิดขึ้นอีกในระดับที่รุนแรงจนก่อให้เกิดผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทย

ทั้งนี้ ความน่าเชื่อถือและมุมมองอันดับความน่าเชื่อถืออ่อนไหวต่อสมมติฐานหลายประการ การปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ขึ้นอยู่กับสมมติฐานว่า รัฐบาลไทยยังคงดำรงทิศทางการบริหารประเทศโดยการมีส่วนร่วมกับเศรษฐกิจโลก ฟิตช์ตั้งสมมติฐานว่า ผู้รับผิดชอบด้านนโยบายจะรักษากรอบนโยบายอันก่อให้เกิดการเจริญเติบโตในระยะกลางถึงระยะยาวมากกว่าจะดำเนินนโยบายที่ก่อให้เกิดการเจริญเติบโตในระยะสั้นซึ่งมีต้นทุนคือความผันผวนทางเศรษฐกิจที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

อันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานว่า ประเทศไทยจะไม่ถูกกระทบโดยเหตุการณ์ไม่คาดคิดทางเศรษฐกิจและการเงินที่รุนแรงเพียงพอที่จะก่อให้เกิดการหดตัวอย่างมีนัยสำคัญของ GDP และกระตุ้นให้เกิดความตึงตัวในระบบการเงิน ฟิตช์มีสมมติฐานว่า ไม่มีความเสี่ยงอย่างรุนแรงของเสถียรภาพทางการเงินโลกที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเกิดใหม่ที่มีเศรษฐกิจเปิดอย่างประเทศไทย อาทิ การแยกตัวของประเทศในกลุ่มยูโรโซนหรือวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่รุนแรงในประเทศจีน

ฟิตช์ มีสมมติฐานว่า ความตึงเครียดระหว่างประเทศในภูมิภาคจะไม่เร่งตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงข้อพิพาทด้านพรมแดนของไทยกับกัมพูชา และความขัดแย้งทางดินแดนระหว่างจีนและญี่ปุ่นที่มีอยู่ในขณะนี้