posttoday

เซียนเตือนภัยบาทแข็งทำกำไรทองยาก

02 มีนาคม 2556

นักลงทุนทยอยเทขายทองหลังประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้น แนะรอช้อนซื้อ 2.2 หมื่นบาท ระวังบาทแข็งหากำไรยาก

นักลงทุนทยอยเทขายทองหลังประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้น แนะรอช้อนซื้อ 2.2 หมื่นบาท ระวังบาทแข็งหากำไรยาก

นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์แม่ทองสุก เปิดเผยว่า นักลงทุนควรรอให้ราคาทองคำลงไปถึงประมาณ 1,500 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณบาทละ 2.2 หมื่นบาท จึงเข้าซื้อและการลงทุนทองคำในช่วงนี้ควรซื้อขายไม่เกิน 5 วัน เพราะจะมีโอกาสทำกำไรมากกว่าการถือลงทุนในระยะกลาง 6 เดือน ถึง 1 ปี

นพ.กฤชรัตน์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาทองคำในประเทศได้ปรับลดลงแล้ว 9% ตามการลดลงของราคาทองคำในตลาดโลก 6% และตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถึง 3% หากถือในระยะกลางมีโอกาสถูกค่าเงินบาทที่แข็งค่าฉุดให้ขาดทุนได้ อย่างไรก็ตาม หากเป็นนักลงทุนระยะยาว 3 ปีขึ้นไป สามารถลงทุนได้เพื่อชนะเงินเฟ้อ

ขณะนี้ราคาทองคำได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยนักวิเคราะห์บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส ระบุว่า เป็นผลจากความต้องการถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่มีน้อยลง หลังจากมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจของหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว ประกอบการถือทองคำไม่ได้รับผลตอบแทนนอกจากการปรับขึ้นของราคาเมื่อเทียบตราสารทางการเงินที่มีความปลอดภัย เช่น พันธบัตร

นอกจากนั้น กองทุนเอสพีดีอาร์ โกลด์ ทรัสต์ ได้ลดการถือครองทองคำลงทั้งหมด 73.6 ตัน ตลอดเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำในปีนี้ บรรดาโบรกเกอร์ซื้อขายทองคำประเมินว่า ปีนี้ผลตอบแทนการลงทุนทองคำน่าจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 5% จากปีก่อนที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 7%

ราคาทองคำในประเทศวันที่ 2 มี.ค. ปรับตัวขึ้นลงผันผวนตามราคาทองคำในต่างประเทศ โดยราคาทองคำแท่ง 96.5% ของสมาคมค้าทองคำปรับขึ้น 100 บาท ปิดที่ราคารับซื้อบาทละ 22,200 บาท และขายบาทละ 22,300 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 21,875.88 บาท และขายออกบาทละ 22,700 บาท
 
ทั้งนี้ มีการประเมินว่า ราคาทองคำในระยะสั้นยังเคลื่อนไหวในกรอบซึ่งบริเวณแนวต้าน 1,585 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือ 1,594 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์