posttoday

ทหารไทยตีปีลูกค้ารายย่อยพุ่ง

03 กุมภาพันธ์ 2556

“ทหารไทย” ฟุ้งลูกค้ารายย่อยเพิ่มปีละ 3 แสนราย หลังออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง ปีนี้เดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ชูความแตกต่าง จับลูกค้าเป็นตัวนำ

“ทหารไทย” ฟุ้งลูกค้ารายย่อยเพิ่มปีละ 3 แสนราย หลังออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง ปีนี้เดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ชูความแตกต่าง จับลูกค้าเป็นตัวนำ

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า หลังจากธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง ทำให้มีลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยใช้บริการกับธนาคารเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นทุกเดือน ทั้งลูกค้ารายย่อย และลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) โดยลูกค้ารายย่อยธนาคารได้เพิ่มปีละ 3 แสนราย และลูกค้าเอสเอ็มอี 6,000 ราย และลูกค้าขนาดใหญ่ 500-600 ราย

นายบุญทักษ์ กล่าวว่า ส่วนแบ่งตลาดเงินฝากของธนาคารยังเล็กมากอยู่ที่ 6-7% ทำให้ธนาคารสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อีกมาก ซึ่งปีนี้จะเป็นปีที่ธนาคารจะออกผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าทุกกลุ่มต่อเนื่อง โดยเป็นการคิดผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเอง เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากตลาด นำความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ไม่นำความต้องการของธนาคารเป็นตัวนำ

ทั้งนี้ที่ผ่านมาธนาคารเป็นธนาคารแรกที่ออกบัญชีเงินฝากไม่ประจำ (No Fixed Account) รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทีเอ็มบี วันแบงก์ วันแอคเค้าท์ สำหรับลูกค้าธุรกิจสามารถฝากและถอนเงินจากสาขาใดก็ได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม และทีเอ็มบี วันแบงก์ วันเดย์ ฝากเช็คได้เงินภายใน 1 วัน

นายบุญทักษ์ กล่าวว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทำให้สัดส่วนลูกค้าได้ปรับเป็น ลูกค้าเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อยเพิ่มเป็น 50% ของจำนวนลูกค้าทั้งธนาคาร จากเดิมลูกค้าขนาดใหญ่มีสัดส่วน 60% โดยเป้าหมายภายในปีนี้อยากเพิ่มสัดส่วนลูกค้าเอสเอ็มอีเป็น 35-40% ลูกค้าขนาดใหญ่ 40% ที่เหลือเป็นลูกค้ารายย่อย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า แม้ธนาคารจะออกผลิตภัณฑ์ฟรีค่าธรรมเนียม แต่ปรากฎว่ารายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารในปีที่ผ่านมากลับเติบโต 20% และกำไรก่อนตั้งสำรองเติบโต 38% หรือ 1 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการทำกำไรสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ก่อตั้งธนาคาร สาเหตุที่ธนาคารสามารถทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตได้ ทั้งที่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ฟรีค่าธรรมเนียม เพราะจำนวนลูกค้าใหม่ของธนาคารเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่ เมื่อลูกค้าได้ทดลองใช้บริการ ก็จะเกิดการใช้บริการข้ามผลิตภัณฑ์ เช่น ประกันชีวิต

นอกจากนี้ธนาคารสามารถรักษาระดับต้นทุนเงินฝากได้ดี เมื่อธนาคารขยับเข้าหาลูกค้ารายย่อยมากขึ้น จากเดิมโครงสร้างเงินฝากมาจากกลุ่มรัฐวิสาหกิจ มีต้นทุนสูง เป็นเงินก้อนใหญ่ ก็ทำให้ธนาคารสามารถบริหารต้นทุนเงินฝากเหลือ 1.67% ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีต้นทุนเงินฝากเฉลี่ย 1.69% ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มจาก 2% เป็น 2.7%

ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ปีที่ผ่านมาธนาคารได้ขายออกไปจำนวน 5,676 ล้านบาท  ทำให้สัดส่วนเอ็นพีแอลของธนาคารลดลงเหลือ 3.75% จากเดิม 5.24% และสัดส่วนเอ็นพีแอลของงบการเงินธนาคาร และบริษัทย่อยลดลงเหลือ 4.10% จาก 5.67% ในปี 2554 โดยธนาคารได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญพิเศษเพิ่มอีกจำนวน 5,286 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (coverage ratio) เพิ่มขึ้นเป็น 118% โดยปีนี้จะพยายามลดเอ็นพีแอลต่อเนื่อง