posttoday

กสิกรไอเดียล้ำล้างหนี้ให้แต้มกับบัญชีรูดปรื๊ด

17 ธันวาคม 2555

“กสิกรไทย” เปิดล้างหนี้บัตรเครดิตก่อนปีใหม่ ทุก 25 บาท ได้ 1 คะแนน รับลูก ธปท.ไม่หนุนคนเป็นหนี้

“กสิกรไทย” เปิดล้างหนี้บัตรเครดิตก่อนปีใหม่ ทุก 25 บาท ได้ 1 คะแนน รับลูก ธปท.ไม่หนุนคนเป็นหนี้

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 24-31 ธ.ค. ธนาคารจะออกแคมเปญ “ไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” ส่วนหนึ่งก็เพื่อสนองนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการปลดภาระหนี้บัตรเครดิตก่อนกำหนดและเป็นการล้างหนี้ก่อนจะเข้าสู่ปีใหม่
นายชาติชาย กล่าวว่า แคมเปญนี้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บัตรเครดิตของธนาคารทุกคนสามารถชำระค่าใช้จ่ายได้ก่อนแม้ยังไม่ครบรอบบิล เพราะแต่ละคนจะรู้ว่าที่ผ่านมาตัวเองได้ใช้จ่ายผ่านบัตรไปเท่าใดบ้าง ซึ่งทุก 25 บาท ที่จ่ายธนาคารจะให้ 1 คะแนน เนื่องจากที่ผ่านมามีการสำรวจผู้ใช้บัตรเครดิต พบว่าลูกค้าชื่นชอบคะแนนสะสมเพื่อนำไปเป็นส่วนลดหรือแลกของ

“แคมเปญนี้คล้ายการสวดมนต์ข้ามปี อย่างน้อยเป็นการสร้างวินัย ล้างหนี้ให้หมดก่อนเข้าสู่ปีใหม่” นายชาติชาย กล่าว

นายชาติชาย กล่าวว่า ธนาคารรับฟัง ธปท.ที่ขอความร่วมมือไม่โฆษณาสินเชื่อรายย่อยเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเป็นหนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างวางแผนงบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์ในปีหน้า โดยเฉพาะการชิงโชคที่ต้องนำมาพิจารณา หาก ธปท.มองว่าเป็นการกระตุ้นให้คนรู้สึกอยากกู้ ก็อาจเปลี่ยนรูปแบบเป็นการให้ของที่ระลึกกับลูกค้าแทน

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการชิงโชคไม่ได้ช่วยกระตุ้นให้คนอยากเป็นหนี้ แต่ถ้าเป็นรูปแบบเงื่อนไขให้ดอกเบี้ย 0% นานหลายเดือน ก็อาจกระตุ้นความรู้สึกลูกค้าได้บ้าง

นายชาติชาย กล่าวว่า สาเหตุที่ธนาคารแต่ละแห่งใช้แคมเปญชิงโชคกับผลิตภัณฑ์สินเชื่อต่างๆ เพราะเป็นการใช้งบประมาณการตลาดน้อยกว่าการแจกของที่ระลึกให้กับลูกค้าเป็นรายคน เช่น ลูกค้า 1 แสนคน หากแจกของที่ระลึกต้นทุนเฉลี่ยคนละ 200 บาท เท่ากับธนาคารต้องใช้เงิน 20 ล้านบาท ในทางกลับกัน หากชิงโชครางวัลรถยนต์ 1 คัน มีต้นทุนเพียง 5 แสน-3 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าอาจมองว่าได้ร่วมชิงโชคของรางวัลชิ้นใหญ่ ความน่าสนใจก็จะมากกว่า

“การชิงโชค คนภายนอกมองเป็นการกระตุ้น แต่คนภายในมองเป็นการบริหารต้นทุน เพราะถูกกว่าแจกของให้ลูกค้าทุกคน” นายชาติชาย กล่าว

ด้านนายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ยอมรับว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินเชื่อหากมากเกินไปก็ไม่ดี แม้เศรษฐกิจยังมีทิศทางเติบโตได้ดี แต่ก็ต้องมีจุดที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะการใส่เงินในระบบจากภาครัฐที่กระตุ้นให้การบริโภคขยายตัว หากการใช้จ่ายภายในประเทศเกิดจากการปรับขึ้นค่าจ้างและเงินเดือน แล้วคนกลับกู้ยืมก็ต้องยิ่งช่วยกันติดตาม เพราะอาจสะท้อนว่าคนไม่ได้นำเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นมาอดออม

“ธนาคารระมัดระวังการเข้าสู่สินเชื่อรายย่อย เพราะต้องเก็บข้อมูลและศึกษาตลาดให้ดีก่อน” นายทวีลาภ กล่าว