posttoday

เผยรัฐสูญ6หมื่นล.เซ่นนำเข้ารถหรู

16 ตุลาคม 2555

"ดุษฎี"เผยรัฐสูญเงิน 6 หมื่นล้านเซ่นนำเข้ารถหรู ชี้ฝ่ายการเมืองเอื้อเปิดช่องทุจริตทุกรัฐบาล แนะกมธ. 3 ข้อเรียกภาษีรถคืน

"ดุษฎี"เผยรัฐสูญเงิน 6 หมื่นล้านเซ่นนำเข้ารถหรู ชี้ฝ่ายการเมืองเอื้อเปิดช่องทุจริตทุกรัฐบาล แนะกมธ. 3 ข้อเรียกภาษีรถคืน 

เผยรัฐสูญ6หมื่นล.เซ่นนำเข้ารถหรู ภาพการจับกุมรถยนต์นำเข้าหนีภาษีของกรมศุลกากร/ภาพจากแฟ้มภาพ

พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยหลังเข้าชี้เเจงต่อคณะอนุกรรมาธิการด้านการจัดเก็บรายได้ของเเผ่นดิน ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเงินการคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภาว่า ได้เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.เกี่ยวกับกรณีการนำเข้ารถยนต์หรูโดยหลบเลี่ยงการเสียภาษีใน 3 ประเด็น คือ 1.ควรจะนำเอาหลักฐานการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากประเทศผู้ส่งออกรถยนต์

จากการตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษ เมื่อทราบภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วจะได้รู้ว่ามีราคาซื้อขายจริงเท่าไร ทางคณะกรรมการจะได้ประเมินภาษีที่หลีกเลี่ยงจากราคาซื้อขายจริงได้ 2.ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรไขว้ราคารถระหว่างราคาจากตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และราคาเกณฑ์ตลาด เพื่อเปรียบเทียบให้ทราบราคาที่แท้จริง และ 3.จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทนำเข้ามีการจดทะเบียนหลอก ดังนั้นต้องมีการตรวจสอบสถานะทางการเงินของบริษัทเหล่านี้ เพราะจะทำให้ง่ายต่อการเรียกภาษีคืนมา

พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวต่อว่า เท่าที่ตรวจอบพบว่าการนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษีนั้นคิดเป็นภาษีที่เสียหายไปคันละ 1 ล้านบาท ใน 1 ปีมีรถยนต์ประมาณ 1 หมื่นกว่าคันที่หลบเลี่ยงภาษีและมีการลักลอบดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงขณะนี้ประเทศชาติเสียหายไปแล้วกว่า 5-6 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามถึงแม้ขณะนี้หลักฐานจะยังสาวไม่ถึงตัว แต่มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน        

เมื่อถามว่าตั้งแต่ปี 2551 มีการเปลี่ยนรัฐบาลหลายครั้งแสดงว่ามีการเปิดช่องให้เกิดการทุจริตจากทุกรัฐบาลที่ผ่านมาหรือไม่ พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า 4-5 ปีที่ผ่านมามีบริษัทนำเข้ารถยนต์เจ้าเดิมอยู่ 3-4 บริษัทที่ดำเนินการต่อเนื่องมาตลอด ถ้าไม่เชื่อมโยงกับข้าราชการระดับสูงก็ต้องเชื่อมโยงกับนักการเมืองถึงจะอยู่ได้ อีกทั้งยังพบว่ามีข้าราชการถึง 108 คนที่ยังสามารถอยู่ในตำแหน่งที่เปิดช่องให้มีการหลบเลี่ยงให้หนีภาษี อย่างไรก็ตามขณะนี้กำลังส่งมอบข้อมูลหลักฐานให้แก่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งตนเป็นอนุกรรมการอยู่ด้วยประกอบกับตนเป็นหนึ่งในอนุกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการชุดนี้มีอำนาจในการเรียกเอกสารหลักฐานมาชี้แจงอาจทำให้การตรวจสอบคดีนี้ง่ายยิ่งขึ้น