posttoday

ลีสซิ่งกสิกรอัดแคมเปญผ่อน0%

11 กันยายน 2555

ลีสซิ่งกสิกรไทย คลอดแคมเปญจำนำทะเบียนส่งท้ายปี ชูจุดขายคิดดอกแบบลดต้นลดดอก ตั้งเป้ากวาดรายได้เพิ่มเดือนละพันล้าน

ลีสซิ่งกสิกรไทย คลอดแคมเปญจำนำทะเบียนส่งท้ายปี ชูจุดขายคิดดอกแบบลดต้นลดดอก ตั้งเป้ากวาดรายได้เพิ่มเดือนละพันล้าน

ลีสซิ่งกสิกรอัดแคมเปญผ่อน0%

นายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทจะเพิ่มช่องทางหารายได้จากดอกเบี้ยให้ได้มากขึ้น ด้วยการจัดแคมเปญพิเศษสำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ หรือ “สินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย” ขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยจะคิดค่างวดแบบลดต้นลดดอก ให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระค่างวดด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค.นี้

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรถช่วยได้ในช่วง 4 เดือนนี้ ให้เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 1,000 ล้านบาท หรือ 4,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้เดือนละ 500 ล้านบาท และคาดว่าจะทำให้ปีนี้บริษัทปล่อยสินเชื่อรถช่วยได้ถึง 8,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 6,000 ล้านบาท

นายอิสระ กล่าวว่า สินเชื่อรถช่วยได้จะทำให้บริษัทมีกำไรจากดอกเบี้ยดีขึ้น เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยรถป้ายแดงที่หากคิดแบบคงที่จะเริ่มต้นที่ 2% กว่า และเมื่อแปลงเป็นแบบลดต้นลดดอกก็อยู่ที่ 4% เท่านั้น แต่หากเป็นดอกเบี้ยรถช่วยได้คิดแบบคงที่จะเริ่มต้นที่ 3% และแปลงเมื่อเป็นแบบลดต้นลดดอกอยู่ที่ 6%

“แคมเปญใหม่นี้จะทำให้เรามีรายได้จากดอกเบี้ยมากขึ้น เพราะลูกค้าที่นำรถมาขอสินเชื่อส่วนใหญ่ อายุของรถจะอยู่ที่ 5-10 ปี และมีดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกอยู่ที่ 8-9% ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ก็ต่ำไม่ถึง 1% แต่มีข้อแม้ว่าลูกค้าต้องผ่อนอย่างน้อย 6 เดือนถึงปิดบัญชีได้ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการปิดบัญชีแต่อย่างใด ซึ่งเราก็ออกแคมเปญมาให้ตรงตามผลสำรวจความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการใช้เงินยามฉุกเฉินในระยะเวลาที่ไม่นานนัก และพร้อมปิดบัญชีทันทีที่แก้ไขปัญหาได้” นายอิสระ กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้รายได้ดอกเบี้ยของรถป้ายแดงจะต่ำอยู่ แต่ก็ถือว่ายังเป็นธุรกิจหลักของบริษัท เพราะการที่บริษัทจะเติบโตได้ก็ต้องการรถที่จำนวนมากเช่นกัน และก็ยังมีเอ็นพีแอลต่ำอยู่ที่ 0.8% เท่านั้น ซึ่งแนวโน้มสินเชื่อรถป้ายแดงก็ยังเติบโตได้ดีจากปัจจัยบวกโครงการรถคันแรก และคาดว่าคงส่งผลดีต่อเนื่องไปถึงปี 2556

สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อนั้น ภายในปีนี้คงไม่มีการปรับขึ้น เนื่องจากต้นทุนของธนาคารเองก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น จึงไม่กระทบต่อต้นทุนของบริษัท และภาวะแข่งขันที่ยังรุนแรงอยู่ ก็ทำให้ผู้ประกอบการเช่าซื้อทุกรายยังคงอัตราดอกเบี้ยของตัวเองไว้อยู่ ซึ่งผลการดำเนินงานในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้ยอดสินเชื่อตลอดทั้งปีที่ตั้งเป้าไว้แล้ว