คลังดองแวตอีก2ปีรับศก.หด

คลังจ่อยืดลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 7% รวดเดียว 2 ปี ธปท.คาดเงินเฟ้อพื้นฐานปีนี้เหลือ2.2%ด้านส่งออกโตแค่6.8% 

นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง กล่าวว่า คลังอยู่ระหว่างการพิจารณาคงการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จาก 10% เป็น 7% ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ออกไปอีก 2 ปี เพื่อให้นักลงทุนและผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและวางแผนการลงทุนและการบริโภคได้ในระยะยาว ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ
“กระทรวงการคลังคิดว่าคงแวตไว้ที่ 7% เป็นเวลา 2 ปี ดีกว่า 1 ปี และประเมินแล้วว่าไม่กระทบกับภาพรวมการเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วงที่ยังลดภาษีแวตอยู่ คาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในเดือนนี้” นายทนุศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ กรมสรรพากรประเมินว่า การลดภาษีมูลค่าเพิ่มจะทำให้รายได้ภาษีหายไป 6-7 หมื่นล้านบาท การคงแวตไว้เท่าเดิมทำให้ภาษีหายไปประมาณปีละ 2 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การลดภาษีมูลค่าเพิ่มทำมาตั้งแต่หลังปี 2540 เมื่อไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจและยังไม่สามารถกลับไปเก็บในอัตรา 10% ได้อีกเลย การปรับแวตขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจยังผันผวนจากปัจจัยภายนอกและในประเทศ จะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจให้มีปัญหามากขึ้น

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน ประมาณการตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานปีนี้ ลดลงเหลือ 2.2% จาก 2.5% และเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ลดลงเหลือ 2.9% จาก 3.5% ส่วนปีหน้าคาดว่าเงินเฟ้อพื้นฐานจะลดลงเหลือ 1.9% จาก 2.1% และเงินเฟ้อทั่วไปในปีหน้าจะลดลงเหลือ 3.4% จาก 3.5%

นอกจากนี้ กนง.ยังคาดว่า การบริโภคภาคเอกชนปีนี้จะขยายตัวที่ระดับ 5.2% ปีหน้าขยายตัว 3.9% ส่วนการลงทุนภาคเอกชนปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 14.7% และปีหน้าขยายตัว 9.1% การอุปโภคภาครัฐปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 1.1% และปีหน้าขยายตัว 5.2% ด้านการลงทุนภาครัฐปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 10.5% และปีหน้าคาดว่าจะขยายตัว 22%

ด้านปริมาณการส่งออกปีนี้จะขยายตัว 6.8% ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 2.18 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือในครึ่งปีหลังนี้ส่งออกต้องโตให้ได้ 16.3% ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนการส่งออกปีหน้าขยายตัว 9.3% ส่วนการนำเข้าปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 10.4% และปีหน้าขยายตัว 11.1%

สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ คาดว่าจะขาดดุล 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเกินดุลเพียง 400 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าไทยยังเกินดุลการค้าในปีนี้ได้ 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ