posttoday

ทีเอ็มบีธนชาต คัดเลือก SSF และ RMF ตัวท็อป ในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2564

04 พฤศจิกายน 2564

ทีเอ็มบีธนชาต คัดเลือก SSF และ RMF ตัวท็อป ในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2564 ส่งเสริมคนไทยให้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดโปรโมชันช่วยประหยัดภาษี

นางกิดาการ ชัฏสุวรรณ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดเผยว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาทั่วโลกจะเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 อย่างยาวนาน ทำให้ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมมีความผันผวนรุนแรงและยังมีความไม่แน่นอนอยู่ในขณะนี้ แต่ทีเอ็มบีธนชาตก็ยังสนับสนุนให้ทุกคนลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยกองทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแต่ละคน สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และแนวโน้มสถานการณ์ตลาดในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งเทรนด์การลงทุนสำคัญที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ธนาคารได้ทำการคัดสรรกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) พร้อมสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีที่นักลงทุนหลายคนกำลังมองหาในการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนมาแนะนำอย่างหลากหลายให้เลือกได้ตามความต้องการ

“ทีเอ็มบีธนชาตส่งเสริมให้คนไทยสร้างวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่ออนาคตผ่านกองทุนรวมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป้าหมายการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ทั้งวันนี้และอนาคต โดยมองถึงโอกาสในระยะยาวมากกว่าสถานการณ์ระยะสั้น ๆ ที่สำคัญควรเลือกกองทุนที่ตอบโจทย์และมีความเสี่ยงตามที่ตัวเองยอมรับได้ ในช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งกองทุน SSF และ RMF ตอบโจทย์ในเรื่องนี้ เพราะเป็นการลงทุนเพื่อการออมในระยะยาวที่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ แต่จุดเด่นและเงื่อนไขการลงทุนของแต่ละกองทุนจะมีความแตกต่างกัน ธนาคารขอแนะนำว่าสำหรับคนที่มีช่วงอายุ 18 – 45 ปี ให้เน้นซื้อ SSF ก่อน เพราะใช้ระยะเวลาการถือครองแค่ 10 ปี ซึ่งมีทั้งกองทุนแบบปันผลและไม่ปันผล และสำหรับคนอายุ 45 ปีขึ้นไป ให้ซื้อ RMF”

สำหรับเงื่อนไขการลงทุน SSF และ RMF มีดังนี้ ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี โดย SSF มูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 200,000 บาท และมีระยะเวลาการถือครอง 10 ปี แบบวันชนวัน ส่วน RMF มูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 500,000 บาท และจะขายได้เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องถือกองทุนมาอย่างน้อย 5 ปี นับวันชนวัน ซึ่งการลงทุนทั้ง SSF และ RMF วงเงินรวมที่ไม่เกินนั้นเป็นการรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณ (กองทุน SSF, กองทุน RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ หรือเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ) ด้วย

สำหรับกองทุน SSF และ RMF ที่ทีเอ็มบีธนชาตคัดสรรมารองรับความต้องการของนักลงทุนจะมีทั้งกองทุนที่เน้นผลตอบแทน กองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศทั่วโลก หุ้นเทคโนโลยี โดยกองทุน SSF ได้แก่ กองทุนเปิดยูไนเต็ด ตราสารทุนเพื่อการออม (UOBEQ-SSF), กองทุนเปิดธนชาต อีสท์สปริง Global Capital Growth เพื่อการออม (T-EG-GCG-SSF), กองทุนเปิดธนชาต อีสท์สปริง Global Technologyเพื่อการออม (T-ES-GTECH-SSF), กองทุนยูไนเต็ด ตราสารทุน เพื่อการออม (UOBEQ-SSF) และกองทุนเปิดธนชาต อีสท์สปริง Global Capital Growth เพื่อการออม (T-EG-GCG-SSF)

สำหรับกองทุน RMF ได้แก่ กองทุนเปิดทหารไทย Global Quality Growth เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBGQGRMF) และกองทุนเปิดทีเอ็มบี Global Income เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBGINCOMERMF)

นางกิดาการ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ทีเอ็มบีธนชาตส่งเสริมให้คนไทยลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีเพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ทั้งวันนี้และอนาคต พร้อมสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีในช่วงโค้งสุดท้ายของปี กับโปรโมชันกองทุนลดหย่อนภาษี ปี 2564 ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธันวาคม 2564 การลงทุนทุก ๆ 50,000 บาท จะได้รับเงินลงทุนเพิ่มในกองทุนตราสารตลาดเงิน (Money Market) จำนวน 100 บาท (ตามบลจ.ที่ลงทุน) และยอดรวมซื้อ / สับเปลี่ยนกองทุนเข้าต้องไม่เกิน 500,000 บาท และพิเศษ! ทุกกองทุนลดหย่อนภาษีสามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิต ttb ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดกองทุนที่ร่วมรายการ ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/rmf-ssf-2021 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ทีเอ็มบีธนชาตทุกสาขา หรือ ttb investment line โทร.1428 กด #4 ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:30น. (ยกเว้นวันหยุดธนาคาร) หรือลงทุนง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ttb touch