กองทุน JASIF คาดนำหน่วยลงทุนใหม่เข้าเทรด 22 พ.ย.นี้
ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมจองซื้อครบตามจำนวนเงินเพิ่มทุน 2.25 หมื่นล้านบาท ปี 63 ประมาณการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเป็น 1.0387 บาทต่อหน่วย
ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมจองซื้อครบตามจำนวนเงินเพิ่มทุน 2.25 หมื่นล้านบาท ปี 63 ประมาณการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเป็น 1.0387 บาทต่อหน่วย
นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง หรือ กองทุนบัวหลวง ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) เปิดเผยว่า หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากการเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุน JASIF ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่ได้รับสิทธิจองซื้อ เมื่อวันที่ 7 – 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยมีผู้ถือหน่วยแสดงความต้องการซื้อหน่วยลงทุนใหม่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้สามารถปิดการเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ จำนวน 2,500 ล้านหน่วย ที่ราคาหน่วยละ 9 บาท หรือเป็นเงินระดมทุน 2.25 หมื่นล้านบาท ได้ตามเป้าหมาย ล่าสุดกองทุนบัวหลวง คาดว่าจะสามารถนำหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุน JASIF เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ และมั่นใจว่านักลงทุนจะให้การตอบรับที่ดี เนื่องจากการลงทุนในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงครั้งนี้จะเพิ่มพอร์ตทรัพย์สินและสร้างผลการดำเนินงานให้มีการเติบโตมากขึ้น
ทั้งนี้ ภายหลังเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง จำนวน 700,000 คอร์กิโลเมตร ส่งผลให้กองทุนฯ มีขนาดทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ที่ 980,500 คอร์กิโลเมตร เป็น 1,680,500 คอร์กิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่ 925 อำเภอ ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ขยายตัวได้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย
“กองทุนบัวหลวง มุ่งมั่นในการบริหารจัดการกองทุน JASIF ให้มีผลตอบแทนที่ดี พร้อมทั้งมั่นใจว่ากองทุนฯ จะเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลรวมถึงตราสารหนี้บางประเภท โดยหลังจากเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 แล้ว จะทำให้ประมาณการเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุน (Cash Distribution Per Unit หรือ DPU) ในปี 2563 ของ JASIF เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.0387 บาทต่อหน่วย” นายพรชลิต กล่าว
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและตัวแทนรับจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุน เปิดเผยว่า จากขนาดทรัพย์สินของกองทุน JASIF ที่เพิ่มขึ้น จะได้รับผลดีจากความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มขยายตัว ตลอดจนการพัฒนาโครงข่ายระบบ 5G ในอนาคตที่จะส่งผลดีต่อการขยายตัวของธุรกิจการสื่อสารและโทรคมนาคม พร้อมเพิ่มโอกาสสร้างรายได้และผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้หลังจากที่หน่วยลงทุนใหม่ของกองทุน JASIF เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์อีกด้วย