posttoday

กองทุน JASIF เสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ 7–13 พ.ย.นี้

24 ตุลาคม 2562

ประมาณการเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยในปีแรกเพิ่มเป็น 1.0387 บาทต่อหน่วย

ประมาณการเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยในปีแรกเพิ่มเป็น 1.0387 บาทต่อหน่วย

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF)เปิดเผยว่า จะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียน 15 ตุลาคมที่ผ่านมา จองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ในวันที่ 7 – 13 พฤศจิกายน 2562 ที่ราคาหน่วยละ 9 บาท กำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิที่ 2.2 หน่วยลงทุนเดิม ต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่

ขณะที่มั่นใจผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่ได้รับสิทธิ พร้อมจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จำนวนไม่เกิน 700,000 คอร์กิโลเมตร ช่วยเพิ่มศักยภาพกองทุนฯ มีทรัพย์สินครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้น รับความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมชูประมาณการเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุนในปีแรกเพิ่มเป็น 1.0387 บาทต่อหน่วย จากเดิม 0.9924 บาทต่อหน่วย

นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง ในฐานะบริษัทจัดการกองทุน JASIF เปิดเผยว่า กองทุน JASIF จะเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานประเภททรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จำนวนไม่เกิน 700,000 คอร์กิโลเมตร และจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จาก บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 38,000 ล้านบาท

โดยกองทุน JASIF จะเพิ่มทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 24,629 ล้านบาท จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 54,183.8 ล้านบาท จะเพิ่มเป็นไม่เกิน 78,812.8 ล้านบาท โดยการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ จำนวนไม่เกิน 2,500 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนตามสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน และขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 18,160 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนส่วนหนึ่งในการซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินใหม่และใช้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจากการเข้าซื้อทรัพย์สินครั้งนี้

ทั้งนี้ ภายหลังกองทุนฯ เข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จะทำให้ประมาณการเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุน (Cash Distribution Per Unit หรือ DPU) สำหรับช่วงเวลา 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2563 เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.0387 บาทต่อหน่วย จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 0.9924 บาทต่อหน่วย (บนสมมติฐานที่ออกหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุนฯ จำนวน 2,500 ล้านหน่วย)