posttoday

ลงทุนอะไรดี? เก็บเกี่ยวทั้งปันผลและดอกเบี้ย

17 ตุลาคม 2562

ยามนี้ทำให้คิดถึงประโยคคลาสสิคที่กล่าวว่า “ในวิกฤตย่อมมีโอกาส” และ “จงมองหาโอกาสให้เจอในภาวะวิกฤต”

ในโลกของการลงทุน “ความไม่แน่นอน” เป็นสิ่งที่พวกเราในฐานะผู้ลงทุนปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน่ากังวลใจเพียงใด และเราก็อยู่กับสิ่งนี้มาปีกว่าแล้ว นั่นคือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน การลากยาวของสงครามการค้าไม่ต่างกับการดูหนังซีรีย์ แต่นี่คือ ชีวิตจริง ความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว คือ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว จะเห็นได้จากภาคการผลิต การส่งออก และการนำเข้าที่ได้รับผลกระทบกันไปหมด เนื่องจากนโยบายการค้ามีแต่ความเสี่ยง จนทำให้มีการคาดการณ์ว่า “เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย”

ยามนี้ทำให้คิดถึงประโยคคลาสสิคที่กล่าวว่า “ในวิกฤตย่อมมีโอกาส” และ “จงมองหาโอกาสให้เจอในภาวะวิกฤต” เพราะอาจพลิกชีวิตคุณจากเรื่องร้ายๆ ให้กลับกลายเป็นดีได้

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย ได้ชี้โอกาสในภาวะที่การลงทุนอึมครึมเช่นนี้ โดย นาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า พื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง และน่าสนใจ แม้ว่าภาวะการลงทุนทั่วโลกผันผวน อีกทั้งการถือครองเงินสดในยุคดอกเบี้ยต่ำ ทำให้มีความเสี่ยงที่เงินจะไม่เติบโต และอาจทำให้ติดลบได้ ดังนั้น การให้เงินทำงาน หรือลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ถือว่ามีความจำเป็นอย่างมากเพื่อกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน

จากสถานการณ์ปัจจุบัน อย่าเกาะติดหรือเทน้ำหนักไปที่หุ้นซึ่งเต็มไปด้วยความผันผวน หรือลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ หรือ เงินฝาก เพียงอย่างเดียว แต่ควรรวมถึงสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ อย่าง ทองคำ น้ำมัน อสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์  (REITs)  เป็นต้น

นายนาวินอธิบายว่า การลงทุนในหุ้น ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงจะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้ ขณะเดียวกันผู้ลงทุนอาจลดความผันผวนของหุ้นได้ด้วยการลงทุนในตราสารหนี้ และเพิ่มความสม่ำเสมอของกระแสเงินสดหรือสร้างรายได้สม่ำเสมอด้วยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และ REITs เป็นต้น

หันกลับไปดูกองทุนรวมที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมกองทุนรวมบ้านเรากว่า 1,800 กองทุน เราอาจต้องใช้เวลานานเพื่อที่จะเลือกกองทุนที่จะตอบโจทย์การลงทุนในภาวะความผันผวนเช่นนี้ บลจ.กสิกรไทย จึงขอแนะนำ “กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม (K-GINCOME)” เพราะ กองทุนนี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการกำจัดความผันผวนของเงินลงทุนบนความไม่แน่นอนของสารพัดปัจจัย อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามข่าวสารเพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนด้วยตัวเอง  

ลงทุนอะไรดี? เก็บเกี่ยวทั้งปันผลและดอกเบี้ย

นายนาวินอธิบายว่า กองทุน K-GINCOME เป็นกองทุนที่สร้างรายได้สม่ำเสมอในทุกภาวะเศรษฐกิจ โดยมีวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่อเป้าหมายสร้างกระแสรายได้เมื่อปรับด้วยความเสี่ยงที่ดีและสม่ำเสมอ (Best Risk-adjusted Income) ด้วยการบริหารจัดการ ผ่าน 3 มุมมอง ได้แก่ รายรับ (Yield) ผลตอบแทนรวมของสินทรัพย์ในพอร์ต (Return) และความเสี่ยง (Risk)

กองทุน K-GINCOME มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Investment Funds - Global Income Fund,Class A (mth)-EUR ที่กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกกว่า 2,500 สินทรัพย์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละประเภทสินทรัพย์กว่า 50 คน ทำหน้าที่มุ่งหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายรับอย่างสม่ำเสมอ เช่น ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่ลงทุนได้ (Non-Investment Grade) รวมถึงตราสารหนี้ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ หุ้นทั่วโลกที่มีการจ่ายปันผลสูง และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก เป็นต้น มุ่งหวังรายรับในรูปของ “เงินปันผล” และ “ดอกเบี้ยรับ” อยู่ที่ประมาณ 4-6% ต่อปี

นอกจากนี้ กองทุนยังมีจุดเด่นเรื่องความความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเริ่มต้นลงทุนจาก 6 ประเภทสินทรัพย์ ขยายมาเป็นกว่า 12 ประเภทสินทรัพย์ในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันกองทุนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในกองทุนที่มีสินทรัพย์ขนาดใหญ่มากที่สุดกองหนึ่งในยุโรป

ลงทุนอะไรดี? เก็บเกี่ยวทั้งปันผลและดอกเบี้ย

ปัจจุบันกองทุน K-GINCOME มีการแบ่งชนิดหน่วยลงทุนเป็น 2 ประเภท ได้แก่ “K-GINCOME-A(A) ชนิดสะสมมูลค่า” และ “K-GINCOME-A(R) ชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ” โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินค่าขายคืนอัตโนมัติ (Auto Redemption) สูงสุดไม่เกิน 12 ครั้งต่อปี ในลักษณะคล้ายกับการได้รับเงินปันผล แต่จะต่างกันตรงที่เงินค่าขายคืนนี้จะไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย จึงทำให้สามารถส่งผลตอบแทนกลับคืนแก่ผู้ลงทุนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยนั่นเอง ซึ่งนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน K-GINCOME-A(R) เมื่อปี พ.ศ 2558 กองทุนมีการจ่ายเงินค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติอย่างต่อเนื่องทุกเดือน รวมทั้งสิ้น 50 ครั้ง เป็นเงิน 2.0174 บาทต่อหน่วย

นายนาวินสรุปให้เห็นภาพชัดว่า พยายามให้กองทุน K-GINCOME เป็นแกนกลางของการลงทุน หรือเป็นพอร์ตหลัก ถือไปยาวๆ อย่างน้อย 3 ปี ส่วนเงินลงทุนที่เหลือสัดส่วน 20% -30% ก็สามารถนำไปลงทุนกองทุนอื่นได้

หล่อเลย! กองทุน K-GINCOME จบครบในกองทุนเดียว ตอบโจทย์ให้เสร็จทั้งการจับจังหวะลงทุน กระจายในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก โดยคัดเลือกสินทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนสูงทั้งในรูปเงินปันผลและดอกเบี้ยรับ

ลงทุนอะไรดี? เก็บเกี่ยวทั้งปันผลและดอกเบี้ย