กองทุน RMF…ดีแบบนี้ พี่ไม่รักได้ไง!

กองทุน RMF…ดีแบบนี้ พี่ไม่รักได้ไง!

เรื่องโดย พูลศรี เจริญ

...........................................

ย่างเข้าปลายปีทีไร มนุษย์เงินเดือนต้องตาลีตาเหลือกหาช่องทางลดหย่อนภาษีทุกที และโดยปกติกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ก็ติดอันดับฮอตฮิต ผลิตภัณฑ์ที่นึกถึง ซึ่งปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่ LTF จะมอบสิทธิลดหย่อนภาษีดีๆ ให้ ดังนั้นมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายอย่ารอช้า รีบคว้าโอกาสไว้ และเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากกองทุนรวมได้เต็มที่ อย่าลืมกองทุนรวมอีกประเภทที่มีดี ลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน นั่นคือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

เป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะที่ผ่านมาหลายคนใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจาก LTF อย่างเดียว แต่ทิ้งขว้างสิทธิลดหย่อนภาษีจาก RMF ไป เหมือนมีของดีใกล้ตัว แต่กลับมองข้ามไปไกล ไม่ยอมหลงรัก RMF เสียที วันนี้ เราจึงอยากหยิบข้อดีของ RMF มาให้มนุษย์เงินเดือนพิจารณาดูดีๆ ว่า ถ้า RMF ดีแบบนี้ จะรอช้าเพื่ออะไร ทำไมไม่ลองลงทุน

ข้อดีที่สำคัญของ RMF คือ

· ฝึกวินัยการออม

· ช่วยให้เราเก็บเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณได้

· มีโอกาสหาผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ จากระยะเวลาลงทุนที่ยาวเพียงพอ

· มีผลิตภัณฑ์ในตลาดให้เลือกหลากหลาย ทำให้มีทางเลือกมากพอสำหรับจัดสรรเงินไปลงทุน

ฝึกวินัยการออม

เหตุผลง่ายๆ ก็เป็นเพราะคนที่ลงทุน RMF จะต้องลงทุนขั้นต่ำ 5 ปีขึ้นไป และต้องถือไปจนอายุครบ 55 ปี จึงจะถอนเงินลงทุนได้ ทำให้คนลงทุนได้ฝึกวินัยในการลงทุนระยะยาว 5 ปีขึ้นไป ได้ฝึกความอดทนกับการเก็บออม ไม่ตบะแตกถูกกิเลสครอบงำ จนต้องถอนเงินลงทุนก้อนนี้ออกไปดื้อๆ กลางทาง

อย่างไรก็ดี โล่งใจได้ที่การลงทุนผ่าน RMF ไม่ได้โหดร้ายขนาดที่บังคับใช้เงินลงทุนมากๆ หรือถ้าลงทุนไม่ครบทุกปีแล้วตัดสิทธิทันที เพราะหว่างทาง RMF กำหนดเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำแค่ 5,000 บาท หรือ 3% ของเงินได้แต่ละปีเท่านั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนไหนต่ำกว่าก็นับจำนวนนั้น แถมถ้าปีไหนตกงาน ไม่มีรายได้พอไปลงทุน RMF ก็มีเกณฑ์แบบใจดีๆ อนุโลมให้เราหยุดซื้อ RMF ได้ ขอแค่ไม่หยุดเกิน 1 ปีติดต่อกันก็พอ เรียกง่ายๆ คือ ถ้าซื้อ RMF ด้วยเงินขั้นต่ำ แบบ 1 ปีเว้น 1 ปีได้ หรือซื้อได้ครบทุกปี ก็จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีแบบไม่เจอเรื่องวุ่นวายใจตามมาแน่นอน

ช่วยให้เราเก็บเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณได้

เมื่อกองทุน RMF ตั้งธงมาชัดเจนว่า จะขายหน่วยลงทุนได้แบบไม่ผิดเงื่อนไขใดๆ ต้องลงทุน 5 ปีขึ้นไป แถมตอนถอนก็ต้องอายุ 55 ปีขึ้นไป ก็หมายความว่า ใครลงทุนอย่างมั่นคงจนครบกำหนด ก็จะมีเงินก้อนโตที่สะสมไว้ใช้ในวันที่เกษียณอายุแล้วแน่นอน ยิ่งถ้าเริ่มใส่เงินลงทุน RMF เร็วเท่าไรโอกาสที่ปลายทางจะมีเงินก้อนเพียงพอใช้ในวัยเกษียณก็มากขึ้นเท่านั้น

มีโอกาสหาผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ จากระยะเวลาลงทุนที่ยาวเพียงพอ

ความสำเร็จของการลงทุนนั้น เรื่อง “ระยะเวลา” เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ถ้าเรามีเวลาปล่อยเงินลงทุนให้ทำงานนานพอ โอกาสที่จะแสวงหาผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายก็ยิ่งมากขึ้น แม้ระหว่างทางลงทุนอาจเจอปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้เงินลงทุนแกว่ง ขาดทุนไปบ้าง แต่หากเรามองข้ามปัจจัยที่กระทบการลงทุนระยะสั้นๆ แล้ว มองให้ลึกถึงศักยภาพของสิ่งที่ลงทุน อดทนได้นานพอ เพื่ออนาคตระยะยาวที่มี ก็ทำให้เรามีลุ้นหาผลตอบแทนจากการลงทุนใน RMF ได้ในระดับที่เราคาดหวังไว้

มีผลิตภัณฑ์ในตลาดให้เลือกหลากหลาย ทำให้มีทางเลือกมากพอสำหรับจัดสรรเงินไปลงทุน

RMF นั้น ไม่ได้มีข้อจำกัดว่าต้องเน้นลงทุนในหุ้นไทยอย่าง LTF แต่เปิดกว้างให้มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลาย ซึ่งในประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมต่างๆ คลอดผลิตภัณฑ์ RMF ออกมาหลายรูปแบบ จึงเป็นโอกาสดีของนักลงทุนที่จะเลือกกระจายเงินลงทุนไปซื้อ RMF หลายๆ กองที่มีนโยบายแตกต่างกัน เช่น RMF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ RMF ที่เน้นลงทุนในหุ้น RMF ที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก RMF ที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศ เป็นต้น

เมื่อเราทราบนโยบายแต่ละกองทุน ก็จัดสรรเงินไปลงทุนแต่ละกองได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องเน้นย้ำว่าต้องลงทุน RMF แต่ละกองในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้

ส่วนใคร ยังมีความคิดว่า ลงทุน RMF วันนี้ ต้องรออีกนานกว่าจะได้เงินก้อนนี้คืนมา ลองคิดดีๆ ว่า 10 ปีนั้นผ่านไปไวเหมือนโกหก ไม่เริ่มวันนี้ ไปรอเริ่มอีก 10 ปีข้างหน้า เราแน่ใจแล้วหรือว่าจะเก็บเงินได้ทันและพอเมื่อวันที่เกษียณแล้ว

ที่สำคัญ ถ้าไม่ได้นำเงินก้อนนี้มาลงทุน RMF แล้วปล่อยให้เงินก้อนเดียวกันถูกนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิต เงินก้อนนี้ก็เหมือนถูกละลายลงแม่น้ำด้วยเวลาเพียงพริบตา ทำไมไม่อดทนสักนิด เก็บเอาไว้แล้วมาลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้าของเรา

ทั้งหมดนี้ คือเหตุผลลง่ายๆ ที่ทำไมคุณควรตกหลุมรัก RMF และเริ่มมีกองทุนนี้ไว้ในครอบครอง ซึ่งใครยังไม่เริ่มมีกองทุน RMF เลย แนะนำว่า เริ่มกันตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สาย เพราะการเริ่มต้นลงทุนช้า ย่อมดีกว่าไม่ลงทุนเลย