posttoday

5 คัมภีร์สู่ความมั่งคั่ง สำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่

10 ตุลาคม 2562

5 คัมภีร์สู่ความมั่งคั่ง สำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่

5 คัมภีร์สู่ความมั่งคั่ง สำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่

เรื่องโดย พูลศรี เจริญ

............................

นักลงทุนแต่ละวัย มีเป้าหมายทางการเงินที่แตกต่างกัน จึงต้องมีแผนการลงทุนที่ต่างกัน จะลอกเลียนแบบกันไม่ได้ คนทำงานส่วนใหญ่ไม่ได้กำหนดสัดส่วนการออมที่แน่นอนโดยจะเก็บออมหลังจากการใช้จ่าย ซึ่งตามหลักการควร"ออม"ก่อน"ใช้จ่าย" โดยต้องกำหนดสัดส่วนการออมอย่างน้อยที่ 10-15 % ของรายได้ในแต่ละเดือน แต่จะเป็นการดีกว่าหากมีสัดส่วนการออมที่ 20 % ขึ้นไปต่อเดือน

เช่นกัน คนรุ่นใหม่ที่ก้าวสู่วัยทำงานและต้องการวางแผนทางการเงินเพื่อสร้างความ"มั่นคงและมั่งคั่ง" ที่สำคัญเพื่อเป้าหมายระยะยาวสำหรับวัยเกษียณต้องสร้างวินัยการออมให้เกิดขึ้นกับตัวเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และต้องระลึกไว้เสมอว่าต้องสร้าง"รายได้"ให้มากกว่า"รายจ่าย" โดยรูปแบบการออมและการลงทุนนั้นมีมากมายหลายรูปแบบ 

มีคำแนะนำดี ๆจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย ) ก่อนอื่นมอร์นิ่งสตาร์ฯ มองว่านักลงทุนที่อยู่ในช่วงอายุ 20 ถึง 30 กว่าปี เป็นกลุ่มที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงานหรือเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวอาจจะไม่มีต้นทุนด้านการเงินมากนัก แต่นักลงทุนกลุ่มนี้มีสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนที่อายุมากกว่าอาจต้องอิจฉา นั่นคือ การมีระยะเวลาการออมเงินที่ยาวนานกว่า รวมทั้งสามารถรับความเสี่ยงต่อความผันผวนได้มาก ทำให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า

 

5 คัมภีร์สู่ความมั่งคั่ง สำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่

คำแนะนำสำหรับนักลงทุนในช่วงวัยดังกล่าวมี 5 ขั้นตอนดังนี้

ขั้นที่ 1 จัดการหนี้สิน

สำหรับท่านใดที่จะเริ่มออมเงินอาจจะต้องจัดการหนี้สินกันก่อนที่จะมีการลงทุนเพราะการนำเงินไปลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในขณะที่ยังมีหนี้สินอยู่นั้น สุดท้ายแล้วผลตอบแทนจากการลงทุนอาจน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยของหนี้สินที่ต้องชำระก็เป็นได้ ดังนั้นแนวทางคือ ควรจัดการหนี้สินก่อนที่จะนำเงินที่เหลือมาลงทุน

ขั้นที่ 2 ลงทุนด้านการศึกษา

หากเราพูดถึงการลงทุนแล้ว ช่วงวัย 20 ถึง 30 กว่านี้ถือเป็นวัยที่เหมาะสมอย่างมากสำหรับการลงทุนด้าน Human Capital ซึ่งหมายถึงการศึกษาหาความรู้ ฝึกฝนเพื่อพัฒนาความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นศึกษาต่อในระดับปริญญาโทหรือสูงกว่าหรือการเทรนนิ่งใดก็ตาม หากยิ่งเริ่มได้เร็วก็จะมีโอกาสและเวลาสร้างผลตอบแทนได้นานยิ่งขึ้น

ขั้นที่ 3 สำรองเงินไว้ยามฉุกเฉิน

สิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่เริ่มออมเงินคือ การรักษาเงินออมรวมทั้งมีเงินอีกส่วนหนึ่งไว้ใช้กรณีฉุกเฉิน ตัวอย่างที่ควรพิจารณาอาจเป็นการทำประกันด้านที่จะส่งผลด้านการเงินโดยตรงหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ประกันสุขภาพ ประกันทุพพลภาพ ประกันภัยรถยนต์ ประกันชีวิต เป็นต้น การมีเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉินนั้นเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการมีเงินไว้ใช้ทำให้เราไม่ต้องหันไปหาแหล่งเงินทุนอื่น เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล หรือนำเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพออกมาใช้กรณีว่างงานหรือมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ขั้นที่ 4 เริ่มออมเงินเพื่อวัยเกษียณ

กลุ่มคนที่เริ่มออมเงินมักจะยังไม่คำนึงถึงการออมเงินเพื่อวัยเกษียณด้วยเหตุผลหลายอย่าง อาจเกิดจากการเน้นออมเพื่อเป้าหมายระยะสั้นเช่น เพื่อดาวน์บ้าน/คอนโดมิเดียมหลังแรก รถยนต์คันแรก หรือการแต่งงาน หรือเหตุผลด้านจิตวิทยาก็ส่งผลเช่นกัน เราอาจมองว่ามีเวลาอีกตั้ง 30-40 ปีที่จะออมทำให้ไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้มากนัก แต่หากมองประโยชน์ของดอกเบี้ยทบต้น แล้วกลุ่มคนอายุน้อยจะได้ประโยชน์มากที่สุด

ขั้นที่ 5 ลงทุนให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนจะต้องเคยมีการประเมินความเสี่ยงก่อนการลงทุนเพื่อให้ผู้แนะนำสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์การลงทุนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งหัวใจสำคัญของการประเมินที่นักลงทุนควรคำนึงถึงคือ ผลขาดทุนมากที่สุดเท่าไหร่ที่ไม่ส่งผลกับแผนการเงินหรือการดำเนินชีวิต

ดังนั้นในกรณีของนักลงทุนที่อายุไม่มากนั้นมักจะมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ที่สูงกว่าเนื่องจากยังไม่มีความต้องการใช้เงินออม พอร์ตการลงทุนจึงเหมาะกับการมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่สูงกว่า ในทางกลับกันหากท่านใดมีวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะสั้น เช่น การซื้อบ้าน การลงทุนในตลาดหุ้นที่ผันผวนอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมเท่าใดนัก

สูตร 5 ขั้นสู่ความมั่งคั่งตามที่มอร์นิ่งสตาร์ฯ แนะนำข้างต้น หากนักลงทุนรุ่นใหม่ปฎิบัติได้ เชื่อซิคุณถึงเป้าหมายแน่นอน เริ่มเลย!