posttoday

บลจ.บัวหลวง เปิดตัวฟันด์ออฟฟันด์ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์

26 สิงหาคม 2562

กองทุน BIR-FOF เปิดจองซื้อ 27 ส.ค.-3 ก.ย.นี้ เพื่อเติมเต็มความต้องการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก

กองทุน BIR-FOF เปิดจองซื้อ 27 ส.ค.-3 ก.ย.นี้ เพื่อเติมเต็มความต้องการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก

นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง หรือกองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกกองทุนเปิดฟันด์ออฟฟันด์บัวหลวงโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ (B-IR-FOF)เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO)ระหว่างวันที่ 27 ส.ค.–3 ก.ย.นี้ นับเป็นครั้งแรกที่กองทุนบัวหลวงเปิดตัวกองทุนรวมประเภทฟันด์ออฟฟันด์ที่จะไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหลายกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

กองทุน B-IR-FOF จะลงทุนผ่านกองทุนรวมหลายกองทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราฟันด์) และกองทุนรวมอีทีเอฟ ที่เน้นลงทุนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ จะลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV)ของกองทุนรวม B-IR-FOF

นายพีรพงศ์ กล่าวว่า จุดเด่นของ B-IR-FOF คือ ทำให้นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่มีรายได้จากธุรกิจที่มีศักยภาพได้หลากหลายมากขึ้นเช่น สำนักงาน ศูนย์การค้า โรงงาน คลังเก็บสินค้า เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ โรงแรม ศูนย์การประชุม ศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ การที่ B-IR-FOF เปิดให้จองซื้อขั้นต่ำที่ 500 บาท ทำให้ผู้ที่มีเงินลงทุนเริ่มต้นน้อยมีโอกาสเข้าถึงการลงทุนผ่านกองทุนรวมนี้ได้ด้วย ทั้งยังมีโอกาสรับเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง

นอกจากนี้ B-IR-FOF ยังสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ ของบลจ.ต่างๆ ในไทย รวมถึงกองทุนดังกล่าวที่กองทุนบัวหลวงเป็นบริษัทจัดการได้ หากกองทุนนั้นจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และมีราคาซื้อเหมาะสม ก็สามารถเข้าลงทุน

ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 38 กองทุน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 23 กองทุน และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 8 กองทุนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 7.3 แสนล้านบาท คิดเป็น 4.1% ของมูลค่าตลาด และในช่วงที่ผ่านมา กองทุนกลุ่มนี้ให้เงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย 5.5% ต่อปี สูงกว่าอัตราเงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียนซึ่งอยู่ที่ 3%

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า กองทุนนี้นอกจากจะลงทุนในประเทศไทยแล้ว ยังกระจายการลงทุนไปในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถือว่าเป็นตลาดรีทที่มีขนาดอันดับใหญ่ต้นๆ ของเอเชีย สิงคโปร์มีกองทุนประเภทดังกล่าวนี้ถึง 42 กองทุน มูลค่าตลาดรวม 95,300 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็น 10% ของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์โดยที่ผ่านมา จ่ายเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย 6.4% ต่อปี

"เนื่องจากกองทุนในสิงคโปร์มีการกระจายการลงทุนในหลายประเทศทั่วโลก เช่น จีน ออสเตรเลีย สหรัฐ เวียดนาม จึงตอบโจทย์เรื่องกระจายการลงทุนได้อย่างดี ขณะเดียวกัน ทีมผู้จัดการกองทุนของเราก็มีประสบการณ์ในการลงทุนที่สิงคโปร์ ผ่านการลงทุนในกองทุน B-SENIOR, B-SENIOR-X และ B-INCOME อยู่แล้ว" นายพีรพงศ์กล่าว