posttoday

การกระจายเงินลงทุนช่วยลดความเสี่ยงได้

02 สิงหาคม 2561

ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีหุ้นหลายตัวติดลบไปเกิน 40% บางตัวติดลบไปถึง 60% พอเห็นแล้วคงจะตกใจ

โดย...รุ่งโรจน์ แก้วกาญจนา

ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีหุ้นหลายตัวติดลบไปเกิน 40% บางตัวติดลบไปถึง 60% พอเห็นแล้วคงจะตกใจ ถ้าใครเอาเงินไปใส่ในหุ้นเหล่านี้เพียงตัวใดตัวหนึ่ง เงินในพอร์ตคงจะลดไปอย่างฮวบฮาบเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ถ้ามาดูข้อมูล SET Index ณ วันที่ 18 มิ.ย. 2561 ตลาดบวกไปประมาณ 10% เลยทีเดียว การที่หุ้นบางตัวติดลบได้อย่างรุนแรง ส่วนใหญ่เป็นผลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบริษัทนั้นเพียงบริษัทเดียว หรือเรียกว่า Unsystematic Risk ยกตัวอย่างเช่น เกิดปัญหาการบริหาร หรือไฟไหม้ เป็นต้น

ในการลงทุนนั้นมีการพิสูจน์มาแล้วว่า ถ้าเรากระจายการลงทุนได้ดีโดยใช้หุ้นประมาณ 25-30 ตัว (กระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม) เราจะสามารถกำจัดความเสี่ยง พวก Unsystematic Risk ไปได้ แปลว่าเราจะสามารถได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศที่เรากำลังลงทุนอยู่

ถ้าเราสามารถกระจายการลงทุนของเราไปในหลากหลายประเทศมากขึ้น ก็แปลว่าเราจะสามารถกำจัดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเฉพาะเจาะจงกับประเทศใดประเทศหนึ่ง เช่น เหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์ทางการเมือง (เช่น จะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง?)

อย่างไรก็ตาม ถ้าเราจะกระจายเงินลงทุนในหุ้นสัก 25-30 ตัว โดยเราจะต้องศึกษาหุ้นทุกตัวด้วยตัวเองหมดนั้นเป็นการยากมากๆ ดังนั้นกองทุนรวมจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะกองทุนที่ทำงานได้ดี เขาจะสามารถกระจายเงินลงทุนได้ในหุ้นหลายสิบตัว และมีทีมผู้จัดการกองทุนที่เป็นมืออาชีพในเรื่องการลงทุน สามารถคัดสรรหุ้นที่มีโอกาสเติบโตได้สูงเข้ามาอยู่ในพอร์ต ซึ่งทำให้เงินลงทุนของนักลงทุนเติบโตอย่างสม่ำเสมอ

หลายๆ ท่านอาจสงสัยว่า ถ้าลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับตลาด ผลตอบแทนมันจะสูงเหรอ ในความเป็นจริงอยากบอกว่าถ้าเราทำผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของตลาด เงินลงทุนของเราก็เติบโตมหาศาลแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถ้าเราลงทุนในตลาดหลักในประเทศไทยแล้วได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับตลาด คือ เฉลี่ยปีละ 12% ถ้าเราลงทุน 1 แสนบาท เงินจะกลายเป็น 3 แสนบาท ในระยะเวลา 10 ปี จะเห็นว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

ท่านที่เริ่มต้นลงทุนส่วนใหญ่ต้องการจะได้ผลตอบแทนให้เยอะ พยายามอยากได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด หรืออยากชนะตลาดนั้นเอง อย่างไรก็ตามถ้าได้ลงทุนมาถึงจุดหนึ่งแล้วจะทราบว่าการจะเอาชนะตลาดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

มีคนเคยบอกว่า ถ้าเราเอาชนะเขาไม่ได้ก็อยู่ข้างเดียวกันกับเขาซะ เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ เราก็กระจายเงินลงทุนให้ดีและเอาผลตอบแทนให้ได้ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยตลาด แล้วปล่อยให้เวลาช่วยทำงาน ถึงเวลาเงินลงทุนของเราก็เติบโตได้อย่างมหาศาลแล้วครับ