posttoday

วางแผนการเงินอย่างไรให้รวยเงินและรวยบุญ

04 กรกฎาคม 2561

Wealth Corner ฉบับนี้อยากจะมาชวนท่านผู้อ่านพูดคุยกันในเรื่องการวางแผนการเงินที่ไม่ได้มุ่งเน้นความโลภ

โดย...ธนาวัฒน์

Wealth Corner ฉบับนี้อยากจะมาชวนท่านผู้อ่านพูดคุยกันในเรื่องการวางแผนการเงินที่ไม่ได้มุ่งเน้นความโลภ แต่เป็นการวางแผนการเงิน เพื่อมุ่งเน้นการดำเนินชีวิตด้วยความพอดีตามทางสายกลาง

พระธรรมปิฎกได้กล่าวไว้ว่า เศรษฐศาสตร์ แนวพุทธนั้นเป็นเศรษฐศาสตร์สายกลาง หรือก็คือหลักเศรษฐศาสตร์แห่งความ “พอดี” นั่นเอง

ถ้าสังเกตคำว่า “พอดี” จะเห็นได้ว่าประกอบด้วยคำสองคำคือ คำว่า “พอ” และคำว่า “ดี” “พอ” ในที่นี้หมายถึงพึงพอใจ พอกับความต้องการของตนเอง

ในขณะที่คำว่า “ดี” อาจกล่าวได้ว่าก็คือ ความดีงาม จริยธรรม ศีลธรรม คุณธรรมนั่นเองหลักการนี้ผมคิดว่าจริงๆ แล้วสามารถนำไปใช้ได้กับการดำเนินชีวิตในทุกๆ ด้าน ไม่จำกัดเฉพาะในเรื่องของเศรษฐศาสตร์ หรือการเงินเท่านั้นหรอกนะครับ เพราะว่าถ้าหากทุกการกระทำของเรานอกจากจะตอบสนองต่อความต้องการของตนเองอย่างเพียงพอ และยังอยู่ในศีลธรรมอันดี นั่นก็หมายความว่าเราก็จะสามารถดำเนินชีวิต โดยสร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับทั้งตนเองและสังคมรอบข้าง 

การดำเนินชีวิตที่สร้างความสุขให้กับตนเองและสอดคล้องกับการดำเนินไปของสังคมอย่างสงบสุข นี่จึงย่อมเป็นความสุขที่เที่ยงแท้และยั่งยืน

ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปยังเมืองอาฬวี เพื่อโปรดคนเข็ญใจคนหนึ่ง โดยก่อนที่จะแสดงธรรม พระพุทธองค์ได้ตรัสบอกให้จัดหาอาหารมาให้คนเข็ญใจดังกล่าวกินให้อิ่มเสียก่อน แล้วพระองค์จึงค่อยแสดงธรรม และคนเข็ญใจดังกล่าวก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล

พระพุทธองค์ตรัสอธิบายความว่า ความหิวเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุด ถ้าคนยังท้องหิวอยู่ แสดงธรรมอย่างไร เขาก็จะไม่สามารถเข้าใจได้

แนวคิดของพระพุทธองค์ตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาล ถูกตอกย้ำด้วยทฤษฎีของอับราฮัม มาสโลว์ ซึ่งแบ่งลำดับความต้องการของมนุษย์ไว้ 5 ขั้น เริ่มต้นตั้งแต่ความต้องการทางกาย ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย ความต้องการความรัก ความต้องการเกียรติยศชื่อเสียง และความต้องการในการเข้าใจและรู้จักตนเอง

มาสโลว์ กล่าวว่า ความต้องการทั้ง 5 ขั้นนั้นจะต้องได้รับการตอบสนองอย่างเป็นลำดับขั้น โดยไม่มีการข้ามขั้นตอน ถ้าหากความต้องการทางกายในเรื่องของปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต่อการดำรงชีพยังไม่ได้รับการยอมรับ มนุษย์ก็จะยังไม่ต้องการได้รับการตอบสนองความต้องการในลำดับต่อไป

จะเห็นได้ว่าพุทธศาสนาพยายามจะสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์และสังคม ไม่ได้ต้องการให้มนุษย์ทรมานตนเองหรือเบียดเบียนตนเอง แต่ก็ต้องการให้คำนึงถึงแต่ตนเองโดยไม่คำนึงถึงสังคมส่วนรวม

หลักการสำคัญก็คือว่า ทุกคนจะต้องรู้จักวิธีการบริหารเงินทองให้เพียงพอกับการใช้จ่ายที่จำเป็น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ตกเป็นทาสของเงินที่พร้อมจะทำทุกอย่างไม่ว่าถูกหรือผิดเพื่อให้ได้เงินทองมา

การวางแผนการเงินเพื่อให้รวยทั้งเงินและรวยบุญ จึงควรประกอบไปด้วยเงื่อนไขสำคัญ 2 ประการ คือ ไม่เบียดเบียนตนเอง การวางแผนและการจัดการทางการเงินต้องเป็นไปเพื่อสนองความต้องการของแต่ละบุคคลให้เพียงพอ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป

เริ่มต้นตั้งแต่การวางแผนการหาเงินให้เพียงพอ ไม่ขี้เกียจจนส่งผลทำให้มีเงินน้อยเกินความต้องการ แต่ก็ไม่ขยันตั้งหน้าตั้งตาหาแต่เงิน จนเป็นการเบียดเบียนสุขภาพตนเองให้เสื่อมทรุดโทรมก่อนวัยอันควร

ทุกครั้งที่จับจ่ายใช้สอย ก็ไม่สุรุ่ยสุร่ายจนทำให้เบียดเบียนความสามารถในการเลี้ยงชีพในอนาคต แต่ก็ไม่ตระหนี่ถี่เหนียวจนเบียดเบียนการดำรงชีวิตในปัจจุบัน ไม่ใช้จ่ายในสิ่งที่เป็นอบายมุขที่จะเบียดเบียนสุขภาพตนเองไม่เบียดเบียนผู้อื่น การดูแลเรื่องเงินๆ ทองๆ ของตนเองนอกจากจะต้องให้พอกับความต้องการของตนเอง แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของศีลธรรมอันดีงามของสังคม ไม่ใช่คำนึงถึงแต่ความพอใจของตนเอง แต่สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม

งานที่ทำหาเงินจึงต้องเป็นการเลี้ยงชีพที่ชอบที่สุจริต ไม่คดโกงคนอื่น และไม่ทำงานน้อยเกินไปจนต้องเบียดเบียนสมาชิกในครอบครัว แต่ก็ไม่ทำงานมากจนเกินไปจนละเลยหรือทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัว การใช้จ่ายบางส่วนก็ควรแบ่งปันเพื่อเสริมสร้างคุณภาพของสังคมให้ดีงามน่าอยู่ยิ่งขึ้น ไม่เป็นการใช้จ่ายในทางที่ส่งผลเสียต่อสังคมรอบข้าง

เพียงแค่คุณรู้จักคำว่า “พอ” และ “ดี” เพียงเท่านั้นคุณก็สามารถรวยเงินและรวยบุญพร้อมกันได้แล้วครับ