ความแตกต่างด้านภาษีระหว่างมนุษย์เงินเดือนและฟรีแลนซ์
เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเพิ่งเขียนบทความสั้นๆ ในหัวข้อ “มนุษย์เงินเดือนกับฟรีแลนซ์แตกต่างกันอย่างไร”
โดย...TAXBugnoms
เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเพิ่งเขียนบทความสั้นๆ ในหัวข้อ “มนุษย์เงินเดือนกับฟรีแลนซ์แตกต่างกันอย่างไร” ทั้งในเรื่องของการจ้างงานต่างๆ และภาระภาษีที่เกี่ยวข้อง ลงไปที่เพจ TAXBugnoms พร้อมสรุปเป็นตารางแบบย่อๆ ให้กับแฟนเพจอ่านกันครับ
แน่นอนว่าเรื่องที่เขียนนั้น ไม่ได้จำเพาะเจาะจงที่เรื่องของภาษีเท่านั้นครับ แต่ระบุไปที่ต้นตอของการแบ่งแยกประเภทรายได้ ตั้งแต่ลักษณะงานที่แตกต่างกัน เพราะมีผลต่อสัญญาจ้างแรงงาน การจัดการต่างๆ ไปจนถึงกฎระเบียบ และประกันสังคมแบบไหนบ้าง
จากตารางจะเห็นว่าความแตกต่างนั้นมาจากการทำ “สัญญาจ้าง” เป็นหลัก ซึ่งกำหนดถึงความแตกต่างในด้านของกฎหมาย ตามมาด้วยนโยบายในการทำงานและประกันสังคม ซี่งข้อดีของกลุ่มมนุษย์เงินเดือนนี้จะเหมือนกับการเป็นคนที่อยู่ในระบบที่ค่อนข้างชัดเจน และได้รับสิทธิในการเรียกร้องมากกว่าครับ เพราะมีกฎหมายเฉพาะเจาะจงลงไปเลย
แต่ถ้ามองต่อเนื่องมาในส่วนของการชำระภาษีและเรื่องของการวางแผนภาษี จะเห็นว่าทั้งสองกลุ่มนี้ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร เนื่องจากรูปด้านล่างนี้ครับ
แม้ว่าจะมี ประเภทเงินได้ที่แตกต่างกัน คือ เงินได้ประเภทที่ 1 (มาตรา 40(1)) และเงินได้ประเภทที่ 2 (มาตรา 40(2)) แต่ความเป็นจริงของทั้งสองกลุ่มนี้คือสามารถหักค่าใช้จ่ายได้สูงสุดเท่ากันเพียง 1 แสนบาทและเป็นการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาเท่านั้น ซ้ำร้ายกว่านั้นคือกรณีที่บางคนเข้าข่ายทั้งสองกลุ่ม คือเป็นมนุษย์เงินเดือนที่รับงานฟรีแลนซ์ด้วย สิทธิการหักค่าใช้จ่ายในกลุ่มนี้จะอยู่ที่ 1 แสนบาทเท่าเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือภาษีนั่นเองครับ
ในแง่ของความแตกต่างทางด้านภาษีนั้น ดูเหมือนว่าทางฟรีแลนซ์จะต้องรับภาระหนักกว่า ในด้านของการจัดการตัวเองทั้งเอกสารการหักภาษี ณ ที่จ่าย การคำนวณภาษีเพิ่มเติมตามมาตรา 48(2) สำหรับกรณีที่มีรายได้เกิน 1 ล้านบาท/ปี ที่ต้องนำมาเปรียบเทียบกับวิธีการคำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิตามมาตรา 48(1) ไปจนถึงเรื่องของการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีที่มีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะเห็นว่ามีประเด็นของความรับผิดชอบทางภาษีที่มากกว่ามนุษย์เงินเดือนอีกด้วยครับ
อย่างไรก็ดี การวางแผนภาษีสำหรับกลุ่มนี้ โดยส่วนตัวของผมแล้วคิดว่าควรเน้นหนักไปที่ค่าลดหย่อนภาษีที่มีอยู่ตามระบบ ที่สามารถสร้างวินัยทางการออมและลงทุนให้กับชีวิตได้ ไปจนถึงการจัดการกระแสเงินสดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่เป็นครับ เช่น ฟรีแลนซ์อาจจะต้องสร้างวินัยโดยการตัดเงินทุกครั้งที่ได้รับ รวมถึงวางแผนการจ่ายภาษีที่หนักกว่ามนุษย์เงินเดือนที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ในแต่ละเดือนอย่างครบถ้วนแล้ว
สุดท้ายแล้ว ถ้ามองในแง่ของการจัดการด้านภาษี มนุษย์เงินเดือนนั้นถือเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่จัดการภาษีได้ง่ายกว่าอาชีพอื่นๆ (แม้ว่าจะต้องเสียภาษีเยอะก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับความสบายแล้วผมมองว่าภาระโดยรวมน้อยกว่ามากครับ ฮ่าๆ) ดังนั้นถ้าใครเป็นมนุษย์เงินเดือนก็อย่าเพิ่งน้อยใจไปนะครับ เพราะไม่ว่าอาชีพไหนก็สามารถจัดการภาษีได้ดี วางแผนภาษีได้เด่นไม่แพ้ใครหรอกครับ