posttoday

โจทย์ถูก คำตอบถูก

31 พฤษภาคม 2561

“อีก 5 ปีจากนี้ เราต้องการมีชีวิตเป็นอย่างไร” คุณเคยตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเองหรือเปล่าครับ

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธ์

“อีก 5 ปีจากนี้ เราต้องการมีชีวิตเป็นอย่างไร” คุณเคยตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเองหรือเปล่าครับ

สำหรับผม ผมถือว่านี่เป็นโจทย์ชีวิตและเป็นจุดตั้งต้นที่สำคัญมากๆ สำหรับคนทุกคนที่กำลังมองหาอิสรภาพทางการเงิน

เทคนิคที่ผมใช้เสมอก็คือหาที่เงียบๆ สงบๆ อยู่กับตัวเอง แล้วนั่งเขียนเป้าหมาย หรือความฝันลงในกระดาษอย่างน้อย 50 รายการ (หรือมากที่สุดเท่าที่จะมากได้)

รายการความฝันที่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ได้ทั้งหมด และในทุกมิตินะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ครอบครัว การเงิน การงาน การพัฒนาตัวเอง หรือการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมได้ทั้งหมด ไม่มีข้อแม้ครับ

เมื่อเขียนรายการความฝันหรือเป้าหมายครบทั้ง 50 ข้อแล้ว ก็ให้เริ่มใส่เหตุผล (Why?) ว่าเพราะอะไร เราจึงอยากได้ความฝันหรือทำเป้าหมายนั้นให้เป็นจริง ค่อยๆ เขียน ค่อยๆ ตอบลงทีละรายการ

(อย่าเขียนแบบรวดเดียว คือ เขียนความฝันและเหตุผลพร้อมๆ กันนะครับ ให้ลิสต์ความฝันที่ต้องการทั้งหมดก่อน แล้วค่อยลงเหตุผลทีละข้อ ถ้าทำไม่ถูกวิธีจะถือว่าผิดผีครับ และความฝันอาจจะไม่สำเร็จ 555)

ในขั้นตอนของการเขียนเหตุผลนั้น อยากให้เราใช้อารมณ์และความรู้สึกร่วมให้มากๆ นะครับ ตั้งใจเขียนให้ดี เพราะเหตุผล คือ แรงขับ (Drive) สำคัญที่มีผลทำให้เป้าหมายของเราประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง เป้าหมายใดที่เขียนเหตุผลไม่ค่อยได้ มักไม่ใช่เป้าหมายหรือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรอกครับ

และท้ายที่สุด ให้เรามากำหนดเงื่อนเวลาที่ต้องการทำแต่ละความฝันให้สำเร็จ โดยลงคำตอบเป็นปี พ.ศ. แต่ถ้าระบุได้เป็นวันเป็นเดือนเลยก็จะยิ่งแจ๋วมากครับ

เมื่อลงรายละเอียดครบทั้งหมดตามขั้นตอนข้างต้น ทีนี้มาถึงกระบวนการสำคัญครับ นั่นคือการคัดเลือก (Choose) ความฝัน หรือเป้าหมายที่ต้องการทำให้สำเร็จจริงๆ

ในขั้นตอนนี้ผมอยากให้เราลองจินตนาการครับว่าหากเรากำลังเป็นคนป่วยนอนรอความตายอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล อุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจต่างๆ ระโยงระยางเต็มตัวไปหมด ดูยังไงแล้วก็คงมีชีวิตไม่พ้นคืนวันนี้

ถ้าชีวิตคุณกำลังตกอยู่ในสภาพนั้นจริงๆ “3 ความฝันใดในตารางที่คุณรู้สึกเสียใจมากที่สุด หากต้องตายจากโลกนี้ไปก่อน โดยที่ยังทำมันไม่สำเร็จ”

กระบวนการพิจารณาตรงนี้สำคัญมาก เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เรียกว่าเป้าหมายชีวิต (Life Goals) ดังนั้นหากใครไม่ตั้งใจคิดตั้งใจทำตั้งแต่ขั้นตอนแรก และไม่ได้ตั้งใจเลือก 3 เป้าหมายอย่างจริงจัง สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็จะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

ผมสอนกิจกรรมนี้ให้ลูกศิษย์มาแล้วมากมายนับพันคน ผมพบว่าเป้าหมายที่ดีที่คนส่วนใหญ่เสียใจหากไม่ได้ทำให้สำเร็จก่อนตายนั้น หลายครั้งมักเป็นเป้าหมายใกล้ตัว อย่างเรื่องครอบครัว ซึ่งสำหรับผมมันคือความมั่นคงมั่งคั่งสูงสุดของการเป็นมนุษย์

และกล้าบอกได้เลยว่าเป้าหมายที่มีโอกาสประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ ก็คือเป้าหมายที่ทำให้คุณรู้สึกปีติ ตื้นตัน ภาคภูมิใจ ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเขียนมันลงไปในกระดาษ และยิ่งได้เขียนเหตุผลที่ต้องการมันสำทับลงไปด้วยแล้วละก็ ยิ่งเป็นเป้าหมายที่ทรงพลังมากเข้าไปใหญ่

เมื่อได้ “เป้าหมายชีวิต” (Life Goals) ออกมาแล้ว เราก็จะแปลงมันเป็น “เป้าหมายทางการเงิน” (Money Goals) และ “เป้าหมายด้านการทำงานและเรียนรู้” (Learning Goals) เพื่อกำหนดเป็นเนื้องานและสิ่งที่ต้องลงมือทำ เพื่อให้เราประสบความสำเร็จตามความฝันที่ต้องการได้ต่อไป

ตัวอย่างง่ายๆ เช่น

เป้าหมายชีวิต : อยากมีเวลากับครอบครัวมากขึ้น พาครอบครัวไปเที่ยวได้เดือนละ 1 ครั้ง

เป้าหมายด้านการเงิน : ธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ที่ไม่ต้องทำงานทุกวัน รายได้ 5 หมื่นบาท/เดือน (อาจไม่ต้อง Passive ก็ได้)

เป้าหมายด้านการลงมือทำและการเรียนรู้ : สมัครเรียนคอร์สขายของออนไลน์และเริ่มต้นธุรกิจ คิด วางแผน ลงมือทำ ปรับปรุง หรือลงทุนอสังหาฯให้เช่า 5 ห้อง จนมีรายได้ 5 หมื่นบาท/เดือน ภายใน 5 ปี (หรือกี่ปีก็แล้วแต่แผนใครแผนมัน)

อย่างนี้เป็นต้น 

เมื่อคิดได้ดังนี้ชีวิตก็ง่ายขึ้น เพราะโฟกัสทั้งหมดของผม ก็จะมุ่งไปที่“เป้าหมายการลงมือทำหรือเรียนรู้” หรือ Learning Goals เพียงอย่างเดียว

ถ้าเป้าหมายด้านการเรียนรู้สำเร็จ เป้าหมายการเงินก็จะสำเร็จ และเราก็จะได้เป้าหมายชีวิตไปด้วย

ทั้งหมดทั้งมวลเริ่มจากการตั้งเป้าหมายชีวิตให้ถูกต้อง เพราะนั่นคือตัวกำหนดทิศทางของสิ่งต่างๆ ที่จะตามมา ทั้งเป้าหมายทางการเงินและสิ่งที่จะทำ

จำไว้ว่าเป้าหมายการเงินที่ตั้งจากอากาศจะทำให้ชีวิตผิดเพี้ยน ดังนั้นอย่าลืมตั้งโจทย์เริ่มต้นให้ถูก เพื่อที่เราจะได้คำตอบที่ใช่ และสอดคล้องกับชีวิตที่เราต้องการมากที่สุดนะครับ