posttoday

พิมพ์เงินใช้เอง

01 ตุลาคม 2560

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธุ์ THE MONEY COACH

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธุ์ THE MONEY COACH

เปิดหัวมาแบบนี้หลายท่านอาจคิดว่าโค้ชนี่อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องใส่ตัวซะแล้ว ที่จริงแล้ววลีข้างต้น ผมไม่ได้หมายถึงการพิมพ์เงินใช้เองจริงๆ หรอกครับ แต่ผมอุปมาถึงการครอบครอง “ทรัพย์สินที่ให้กระแสเงินสด” ให้เราเป็นประจำ หรือ Cash Generating Assets โดยที่เราไม่ต้องทำงานทุกวันต่างหาก

แนวคิดทรัพย์สินที่ให้กระแสเงินสด หรือ Passive Income นั้น เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากหนังสือพ่อรวยสอนลูก (Rich Dad Poor Dad) ซึ่งเขียนโดย โรเบิร์ต ที คิโยซากิ เข้ามาในเมืองไทยเมื่อราว 10 กว่าปีก่อน

ผมเองได้อ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกในปี 2000 และหยิบเอาแนวคิดในหนังสือมาลองผิดลองถูก (จะว่าไปผิดมากกว่าถูกอีกนะ) แก้ไข เรียนรู้ และเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำไปเรื่อย จนกระทั่งมีอิสรภาพทางการเงินได้ในอีก 8 ปีถัดมา

10 กว่าปีที่ผ่านมา หลักการดังกล่าวผ่านตาและผ่านความคิดของคนนับแสนๆ คน แต่ก็นั่นแหละ คนจำนวนไม่น้อยมักแค่ได้อ่าน ได้เรียน ได้รู้ แต่ไม่เคยลองทำ ก็เลยไม่เข้าใจ และทำไม่ได้จริง (แถวบ้านผมเรียก มี Money Literacy แต่ไม่มี Money Fitness)

ทั้งๆ ที่ในความจริงแล้วหลักของการสร้างทรัพย์สินที่ให้กระแสเงินสดนั้นแสนจะเรียบง่าย และมีวิธีการเป็นพันเป็นหมื่นวิธีที่จะพิมพ์เงินใช้เองจากทรัพย์สินที่เราสร้างขึ้น

• มีเงินก้อน (มากพอ) ฝากเงินกินดอกเบี้ย ซื้อพันธบัตร กองทุนรวม หรือลงทุนหุ้นกินปันผล

• ใช้พลังทวีของเงินกู้ ซื้ออสังหา ริมทรัพย์ให้เช่า

• สร้างธุรกิจขึ้นมาสักอย่าง วางระบบให้คนอื่นมาทำงานให้ วางมือ แล้วก็วางใจให้คนอื่นทำ จากนั้นหมั่นคอยตรวจสอบ ตรวจกิจการ และเก็บกินกำไร

• สร้างงานที่เป็นลิขสิทธิ์ หรือสิทธิบัตร แล้วเก็บกินส่วนแบ่งจากสิทธินั้น

ทั้ง “ดอกเบี้ย” “เงินปันผล” “ค่าเช่า” “กำไร” และ “ค่าลิขสิทธิ์” ก็คือ เงินสดที่ทรัพย์สินของเราพิมพ์ออกมาให้เราใช้ไปตลอด ตราบเท่าที่เรายังคงถือครองมันอยู่ ฟังดูก็ไม่น่ามีอะไรยาก แล้วทำไมคนที่รู้ ถึงยังทำกันไม่ค่อยได้

คำตอบที่ผมสัมผัสตลอดหลายปีคือ คนจำนวนไม่น้อยอดทนรอคอยให้ทรัพย์สินที่สร้าง ค่อยๆ ทำเงินไม่ได้ (มันไม่ได้เร็วนะ) พวกเขามักเลือกทำแต่งานที่ได้ “เงิน” แน่ๆ หรือได้เงินในทันที

ผิดกับคนที่อดทนรอได้ รอคอยเป็น ที่ยอมและยินดีที่จะแลกทรัพยากรบางส่วนที่มี (โดยเฉพาะเวลา) เพื่อสร้าง “ทรัพย์สิน” โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทรัพย์สินสร้างเงินให้กับพวกเขาในอนาคต แม้ช่วงเริ่มต้นยังไม่มีรายได้เข้ากระเป๋าเลยสักบาท แถมยังอาจต้องมีค่าใช้จ่ายไหลออกจากกระเป๋าทุกเดือนอีกด้วย

ลูกศิษย์ผมคนหนึ่งหนีชีวิตเมืองกรุง กลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ปลูกต้นกล้วยไว้ขายใบตองส่งออกต่างประเทศ เขาเล่าว่ากว่ากล้วยจะแตกหน่อและเริ่มเก็บใบตองมาขายได้ ต้องลงทุนทั้งเงินและเวลา ประคบประหงมหน่อกล้วยอยู่นาน 6-8 เดือน เรียกได้ว่าช่วงแรกมีแต่รายจ่าย ไม่มีรายได้เข้ามาเลย

ในตอนนั้นเขาสารภาพว่า แอบคิดกลับไปกลับมาอยู่ตลอดว่า ตัวเองคิดผิดหรือเปล่า แต่หลังจากต้นกล้วยเริ่มตัดใบขายได้ ความคิดอ่านก็เริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง เพราะเริ่มได้เงินกลับเข้ากระเป๋า ให้พอมีกำลังใจขึ้นบ้างแล้ว

ถึงตอนนี้เขาเล่าว่าเริ่มสบายแล้ว เพราะตอนนี้ใบตองตัดขายได้ทุกเดือน และถ้าดูแลต้นกล้วยได้ดี (แท่นพิมพ์เงิน) เขาก็จะตัดใบตองสร้างรายได้แบบนี้ไปได้อีก 20-30 ปีเลยทีเดียว

หากขาดแผนการที่ดีและอดทนรอคอยไม่เป็น ผมเชื่อว่าแค่คิด ก็ไม่อยากปลูก ไม่อยากรอแล้วครับ สู้หันหลังกลับไปทำอะไรที่ทำแล้วได้ “เงิน” ทันทีหรือทุกสิ้นเดือนเลยคงดีกว่า

เช่นเดียวกันกับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์รายใหม่ ที่ต้องออกเดินดูอสังหาฯ กว่า 20 แห่ง ถึงจะได้ทรัพย์ดีๆ ไว้ลงทุนสักหนึ่งแห่ง (สูตรจริงๆ ต้อง 100-20-3-1 เลยนะ ดู 100 หมายตาไว้สัก 20 คัดเพื่อยื่นข้อเสนอ 3 แล้วซื้อ 1)

เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน แถมยังไม่รู้อีกว่า ที่คิดไว้คำนวณไว้ หรือคาดการณ์เอาไว้จะถูกหรือเปล่า จะได้เงินจริงมั้ย ถ้าเดินแล้วไม่เจอของดี หรือซื้อไปแล้วซวยไม่เป็นไปตามแผนละก็…แย่เลย!

คิดแบบนี้หลายคนจึงม้วนเสื่อ เลิกล้มความตั้งใจที่จะสร้างทรัพย์สิน แล้วกลับไปทำงานเพื่อเงินเหมือนเดิม แล้วอะไร? คือสาเหตุที่ทำให้คนเราอดทนรอคอยให้ทรัพย์สินมันสร้างรายได้กันไม่ได้

ตอบง่ายๆ ครับ …“หนี้” ยังไงล่ะ เพราะคนส่วนใหญ่สร้าง “หนี้” และ “รายจ่าย” เอาไว้เกินตัว การขาดเงินเพียงบางช่วงเวลาเพื่อไปโฟกัสการสร้างทรัพย์สิน จึงทำให้ชีวิตพวกเขาเดือดร้อน และอดทนอยู่ในสภาวะแบบนั้นไม่ได้นาน

และนี่คือเหตุผลที่ผมตั้งเป็นกฎแห่งความมั่งคั่งของตัวเองในข้อที่ 2 นั่นคือ จงสร้างทรัพย์สิน ก่อนซื้อหนี้สิน หรือพูดอีกนัยหนึ่งได้ว่า หากอยากมีสมาธิโฟกัสกับการสร้างทรัพย์สินของตัวเอง ก็จงทำตัวให้เบาสบายจากหนี้สินเสียตั้งแต่เริ่ม เพียงเท่านี้โอกาสที่คุณจะสร้างแท่นพิมพ์เงินของตัวเองก็จะง่ายขึ้นอีกเยอะเลย

เรื่องนี้ชัวร์!! ผมกล้ารับประกัน Trick สำคัญของการพิมพ์เงินใช้เองให้สมบูรณ์แบบ คือ มันจะแจ่มมาก หากทรัพย์สินที่เราสร้างขึ้นมาหรือได้มานั้น ใช้เงินเราเองน้อยที่สุดหรือไม่ใช้เลย (เรียนรู้การใช้ OPM : Other People’s Money)

ในบางกรณี เราอาจใช้เงินตัวเองทั้งหมดในช่วงเริ่มต้นก่อนได้ แต่ต้องวางแผนหาวิธีดึงเงินตัวเองกลับคืนมาให้เร็วที่สุด เพื่อที่ว่าเราจะได้เป็นเจ้าของแท่นพิมพ์เงินแบบฟรีๆ ในระยะเวลาอันสั้น แต่การจะทำแบบนี้ได้ จำเป็นจะต้องอาศัยแผนการลงทุนที่ดีและรัดกุมมากพอ ซึ่งแผนการที่ดีและรัดกุม ก็มาจากความรู้การลงทุนที่คุณศึกษาและสั่งสมไว้นั่นเอง

ตัวอย่างเช่น การกู้เงินเพื่อซื้อบ้านเช่า ในช่วงเริ่มต้นเราอาจต้องวางเงินมัดจำ รวมไปถึงวางเงินดาวน์ก่อนบางส่วน (ราว 10%) ที่เหลือกู้โดยจดจำนองกับธนาคาร (90%) หลักการสำคัญของการลงทุนก็คือ เลือกซื้อ เลือกลงทุน ในบ้านเช่าที่มีค่าเช่ามากกว่ารายจ่ายและเงินผ่อน เพื่อให้บ้านเช่าทำหน้าที่เป็นแท่นพิมพ์เงินและผลิตเงินให้กับเราทุกเดือน

และถ้าเราวางแผนการลงทุนไว้ดีพอ เราอาจได้เงินส่วนเกินจากการกู้ เพื่อนำมาคืนเงินมัดจำและเงินดาวน์ของตัวเอง หรือเมื่อถือครองไปครบ 3 ปี ก็อาจรีไฟแนนซ์นำเงินดาวน์และมูลค่าความเป็นเจ้าของที่เพิ่มขึ้น (Equity Buildup) กลับคืน เพื่อนำไปลงทุนต่อในบ้านเช่าหลังใหม่ ทำให้ได้แท่นพิมพ์เงินมาฟรีๆ โดยสมบูรณ์ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการหยุดสร้างหนี้และมีรายจ่ายที่เกินตัว

The RICH don’t WORK for MONEY. - คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน แต่ทำงานเพื่อทรัพย์สินครับ