posttoday

"ไทยรี" ลุ้นกำไรปีนี้โตได้5%

09 พฤษภาคม 2559

ไทยรับประกันภัยต่อ เผยไตรมาสแรกแผนการเงินเข้าเป้า คาดมีกำไรประมาณ 5%

ไทยรับประกันภัยต่อ เผยไตรมาสแรกแผนการเงินเข้าเป้า คาดมีกำไรประมาณ 5%

นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยรับประกันภัยต่อ กล่าวว่า 3 เดือนแรกของปีนี้ ธุรกิจยังคงเป็นไปตามแผนและเป้าหมายทางการเงินที่วางไว้ คืออัตราส่วนรวมค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (คอมไบน์ เรโช :Combined Ratio) 95% นั่นหมายความว่าจะมีกำไรอยู่ประมาณ 5% และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 3% ส่วนอัตราค่าใช้จ่ายอยู่ที่ระดับ 4.5-5% คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานของปี 2559 ได้ ภายหลังจากที่ได้ล้างขาดทุนสะสมหมดไป ซึ่งเป็นไปตามแผน 3 ปี เริ่มจากปี 2559-2561 ที่ตั้งเป้าหมายจะคุมคอมไบน์ เรโช ให้อยู่ที่ 95% และเบี้ยรวมเติบโตปีละ 15% ทำให้ปี 2561 จะมีเบี้ยรวม 8,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในการจ่ายเงินปันผลในอนาคตจะจ่ายประมาณ 65-70% ของกำไร จากในอดีตที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการจ่ายเงินปันผลเมื่อเทียบกับกำไรที่สูงมาก 80-90% เพื่อเก็บกำไรส่วนหนึ่งไว้รองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้น

"บริษัทมีแผนว่าจะรักษา อัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องสำรองตามกฎหมาย (CAR)ไว้ที่ 300% ซึ่งระดับนี้เทียบเท่าอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทจัดอันดับเครดิตเรทติ้งที่ AAA จะทำให้คู่ค้าที่ส่งประกันภัยต่อมาที่เรา ตั้งสำรองต่ำที่สุด ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันกับบริษัทประกันภัยต่อต่างประเทศได้"นายโอฬาร กล่าว

นายโอฬาร กล่าวว่า โดยเฉพาะการแข่งขันในตลาดประกันภัยต่อเอเชียใต้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีต่างชาติส่งเบี้ยประกันภัยต่อมาที่บริษัทแล้ว  และมีส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน ในตลาดนี้ตั้งเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนเบี้ยประมาณ 400-800 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 หรือ คิดเป็น 5-10% ของเบี้ยรวม 8,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับบริษัทประกันภัยไทยที่เป็นลูกค้าของบริษัท ซึ่งนอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าแล้ว บริษัทจะยังร่วมพัฒนาช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ ด้วย โดยเฉพาะช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านออนไลน์

สำหรับ ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 3% นั้นถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับธุรกิจประกันชีวิตที่ยังสามารถลงทุนได้ผลตอบแทน 4-5% เพราะบริษัทประกันสามารถลงทุนได้ในสินทรัพย์ระยะสั้น จากการที่อายุของกรมธรรม์เป็นปีต่อปี และลูกค้ามีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่มีความถี่มากกว่า ขณะที่ประกันชีวิต กรมธรรม์เป็นระยะยาว สามารถลงทุนยาวได้ผลตอบแทนจึงสูงกว่า ซึ่งทางออกในปัจจุบันก็คือ การเพิ่มการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Funds) ที่ยังสามารถให้ผลตอบแทนในอัตราสูงอยู่ ส่วนการลงทุนในพันธบัตรก็ยังเป็นการลงทุนหลักของบริษัทอยู่เช่นกัน