posttoday

ทิพยฯปั้นเบี้ย2.5หมื่นล้าน

12 กุมภาพันธ์ 2559

ทิพยประกันภัยเน้นลูกค้ารายย่อย ปีนี้โต 8% ทำเบี้ย 2.5 หมื่นล้าน

ทิพยประกันภัยเน้นลูกค้ารายย่อย ปีนี้โต 8% ทำเบี้ย 2.5 หมื่นล้าน

แหล่งข่าวจากบริษัท ทิพยประกันภัย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 8% หรือมีเบี้ย 2.5 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ทำเบี้ยได้ 2.3 หมื่นล้านบาท โดยมีสัดส่วนเบี้ยรถยนต์ 25% และเบี้ยที่ไม่ใช่รถยนต์หรือนันมอเตอร์ 75% ขณะที่สมาคมประกันวินาศภัยไทยคาดว่าธุรกิจโดยรวมปีนี้จะเติบโต 3-3.5%

“ปีนี้สัดส่วนระหว่างเบี้ยรถยนต์กับเบี้ยนันมอเตอร์ก็คงใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว แต่ปีนี้เราจะขยายฐานลูกค้ามาสู่รายย่อยมากขึ้นเป็น 50% เพื่อกระจายความเสี่ยง และลูกค้ารายใหญ่ 50% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนลูกค้ารายย่อยอยู่ 30% และลูกค้ารายใหญ่ 70%” แหล่งข่าวระบุ

สำหรับกลยุทธ์ในการเพิ่มลูกค้ารายย่อย ก็จะเน้นขายแบบประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ประกันไมโครอินชัวรันส์ ประกันรถยนต์ชั้น 2+, 3+ และประกัน พ.ร.บ. เป็นหลัก ซึ่งเป็นแบบประกันที่เข้าถึงลูกค้ารายย่อยได้ง่าย

นายประสิทธิ์ชัย สุนทราภิรมย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ “โครงการ Bancassurance (ตะกาฟุล)” กับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เพื่อขายประกันภัยที่ถูกต้องตามหลักชะรีอะฮ์ให้กับกลุ่มลูกค้ามุสลิมและทุกศาสนา ผ่านสาขาธนาคาร 108 แห่ง

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาตะกาฟุลรถยนต์ภาคบังคับและสมัครใจ สัญญาตะกาฟุลอุบัติเหตุส่วนบุคคล สัญญาตะกาฟุลสรรพภัยบ้านที่อยู่อาศัย

“ไอเแบงก์ ถือได้ว่าเป็นช่องทางขายใหม่สำหรับประกันตะกาฟุล จากเดิมที่เราขายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ผ่านช่องทางตัวแทนเป็นหลัก และเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2558 ทำเบี้ยได้ 3 ล้านบาท ดังนั้น ในปีนี้เราตั้งเป้าทำเบี้ยตะกาฟุลผ่านไอแบงก์ให้ได้ 10 ล้านบาท และมีเบี้ยจากประกันภัยทรัพย์สินและประกันอัคคีภัยที่ขายผ่านไอแบงก์อีก 20 ล้านบาท” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว

สำหรับแบบประกันตะกาฟุลนั้น จะมีการบริหารงานแตกต่างจากแบบประกันปกติทั่วไป โดยมีการแยกบัญชีออกมา บริหารโดยเฉพาะเพื่อให้ตรงกับหลักชะรีอะฮ์ ซึ่งในส่วนของเบี้ยประกันภัยจะเรียกว่าเงินกองทุน และค่าสินไหมก็เรียกว่าเงินช่วยเหลือ เมื่อครบกำหนดปีกรมธรรม์หากได้กำไรขึ้นมาก็ต้องนำไปบริจาคไม่สามารถเก็บเป็นกำไรบริษัทได้