posttoday

ช่วยหนี้สูญน้ำท่วม

01 กรกฎาคม 2558

บอร์ด คปภ.ไฟเขียว เยียวยาบริษัทประกันไทยถูกประกันภัยต่อเบี้ยวจ่ายเคลมน้ำท่วมปี 2554

บอร์ด คปภ.ไฟเขียว เยียวยาบริษัทประกันไทยถูกประกันภัยต่อเบี้ยวจ่ายเคลมน้ำท่วมปี 2554

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ.ได้เห็นชอบในหลักการร่างประกาศเรื่อง "การพิจารณาค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์จากการประกันภัยต่อกรณีภาวะอุทกภัย ปี พ.ศ. 2554" เพื่อกำหนดกรอบหลักเกณฑ์ในการพิจารณาค่าเผื่อการด้อยค่าสินทรัพย์จากการประกันภัยต่อ

ทั้งนี้ เนื่องจากได้บริษัทประกันภัยต่อจำนวนหนึ่งไม่สามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับบริษัทประกันวินาศภัยได้ครบถ้วน ทำให้บริษัทต้องประสบปัญหาในการเรียกคืนสินไหมทดแทนจากการเอาประกันภัยต่อไม่ได้ และส่วนที่เรียกคืนไม่ได้นั้น บริษัทก็ต้องเผื่อการด้อยค่าหรือต้องตีเป็นหนี้สูญไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทางกรมสรรพากรจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามประกาศของ คปภ. ว่าด้วยการด้อยค่าสินทรัพย์จากการประกันภัยต่อ เพื่อให้สามารถถือเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้ โดยให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2555 เพื่อให้ครอบคลุมบริษัทที่ได้ดำเนินการด้อยค่าสินทรัพย์ฯ ไปแล้ว แต่ทั้งนี้ต้องไม่รวมถึงการด้อยค่าสินทรัพย์ฯ กรณีมูลหนี้มีจำนวนไม่เกิน 10 ล้านบาท

สำหรับข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ได้มีการประมาณหนี้สูญจากการประกันภัยต่อของบริษัทประกันวินาศภัยมีจำนวน 3,202 ล้านบาท มีผล กระทบด้านภาษีอากร 640 ล้านบาท และบริษัทได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว 398,769 ล้านบาท หรือ 97% ในจำนวนนี้บริษัทได้ดำเนินการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้หรือด้อยค่าสินทรัพย์ฯ ไปแล้วเป็นจำนวน 1,211 ล้านบาท หรือ 37.8% ของประมาณการหนี้สูญ

"หนี้สูญที่เข้าเกณฑ์ต้องเป็นค่าสินไหมทดแทนน้ำท่วมที่เกิดขึ้นระหว่าง 1 ก.ค. 2554 ถึง 31 ธ.ค. 2554 โดยสินทรัพย์จากการประกันภัยต่อ ต้องเป็นค่าสินไหมทดแทนน้ำท่วมที่บริษัทมีสิทธิได้รับคืนจากบริษัทประกันภัยต่อการด้อยค่าสินทรัพย์ และต้องเป็นหนี้ตามประกาศ คปภ. เช่น บริษัทประกันภัยต่อเลิกกิจการและไม่สามารถชดใช้ค่าสินไหมทดแทนฯ ได้ หรือได้มีการทำสัญญาประนีประนอมหรือใช้สิทธิทางศาล หรือเข้าสู่ขบวนการอนุญา โตตุลาการพิจารณาในไทย มาเลเซีย หรือสิงคโปร์" นายประเวช กล่าว