การนัดรวมตัวชุมนุมของกลุ่มต่างๆ เพื่อประกาศก้องว่าไม่เห็นด้วยกับ “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ที่พรรคเพื่อไทยดันผ่านสภาผู้แทนราษฎรในคืนวันฮาโลวีน หรือ วันปล่อยผีของฝรั่ง ทำให้คนไทยตกใจกันทั้งประเทศ ถึงวันนี้เป้าประสงค์ของการชุมนุมได้ยกระดับขึ้นไปสู่การขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในการซื้อประกันชีวิต ซึ่งเป็นเครื่องมือในการออมเงินระยะยาว และความคุ้มครองชีวิต
พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต หรือ AZAY กล่าวว่า การชุมนุมทางการเมือง ยังไม่กระทบกับตลาดประกันชีวิต อาจจะเป็นเพราะประชาชนมองว่าการออม และความคุ้มครอง เป็นสิ่งจำเป็นของชีวิต เมื่อตัดสินใจและวางแผนที่จะออมแล้ว ก็จะทำตามแผน ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร ไม่มีผลทำให้ยกเลิกการทำประกันชีวิต
ทั้งนี้ เชื่อว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้ ประชาชนจะยังซื้อประกันชีวิตเพื่อการออมในระยะยาว และสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว รวมทั้งซื้อเพื่อนำไปวางแผนภาษีประจำปีเหมือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นฤดูกาลที่ขายประกันได้มากกว่าทุกไตรมาส คิดเป็นสัดส่วน 40% ของยอดขายใหม่ทั้งปี
สอดคล้องกับความเห็นของ บุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย ที่มั่นใจว่า ธุรกิจประกันชีวิตสิ้นปี 2556 นี้ จะมีอัตราการเติบโตสูงตามเป้าหมายที่สมาคมฯประมาณการไว้ที่ 17.3% หรือเบี้ยรับรวม 4.59 แสนล้านบาท ซึ่งได้รวมปัจจัยทางการเมืองไว้แล้ว สะท้อนให้เห็นว่าการเมืองไม่กระทบต่อธุรกิจในระยะสั้น
วรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยประกันชีวิต กล่าวว่า ปัจจัยการเมืองไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันในขณะนี้ เพราะทางเลือกของการลงทุนที่สร้างความมั่นคงให้กับชีวิต และยังเป็นช่วงที่ประชาชนให้ความสำคัญกับการซื้อประกันชีวิต เพื่อการออมและนำไปลดหย่อนภาษี
อานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อประกันภัยของประชาชนเพิ่มขึ้น หรือ ลดลง เพราะประกันภัยเป็นเรื่องของความคุ้มครองที่ทุกคนต้องการไว้เป็นการสร้างหลักประกัน เมื่อตัดสินใจจะซื้อก็จะซื้อ ถ้ายังไม่พร้อมก็จะยังไม่ซื้อ ไม่เหมือนประกันภัยน้ำท่วม ที่พอเห็นว่าน้ำจะมาท่วมบ้านแล้วจะวิ่งหาประกันภัย โดยยังคงเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยไว้ที่ระดับ 15% เหมือนเดิม หรือคิดเป็นเบี้ยประมาณ 2.05 แสนล้านบาท
“การชุมนุมทางการเมืองจะไม่มีความรุนแรง เพราะได้เรียนรู้จากอดีตแล้วว่าความรุนแรงไม่มีอะไรดี ซึ่งจะต้องหันหน้ามาคุยกัน เพราะถ้ายืดเยื้อจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เมื่อนักลงทุนไม่ขยายการลงทุนหรือหยุดการลงทุน ถึงจะกระทบกับประกันภัย” อานนท์ กล่าว
ทั้งนี้ การออมเงิน การสร้างหลักประกันให้กับชีวิต และทรัพย์สิน เป็นการสร้างเกราะป้องกันเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยมีบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันภัย เข้ามาชดเชยความเสียหายทางเศรษฐกิจเพื่อประคองให้คนในครอบครัวสามารถเดินหน้าต่อไปได้