posttoday

กระจายเสี่ยงให้พอร์ต ปลอดภัยจากผันผวน

18 พฤษภาคม 2565

ความผันผวนปัจจัยเสี่ยงต่างๆ สำหรับผู้ลงทุนระยะยาว ถือเป็นโอกาสทยอยเข้าสะสมกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตได้

หากจะบอกว่าสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันเป็นภาวะ Risk-off คงไม่ใช่เรื่องที่ผิด ผู้ลงทุนต่างปรับพอร์ตเข้าสู่โหมดเลี่ยงความเสี่ยง โดยตั้งแต่ต้นปีต้นปีมานี้ ตลาดเกือบทุกสินทรัพย์ต่างปรับตัวลง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ มีเพียงทองคำกับน้ำมันที่พอจะบวกให้พอร์ตเขียวได้บ้างแต่ก็ไม่ได้กลับไปที่จุด New High อย่างในช่วงปลายไตรมาสแรกที่ผ่านมา

เงินเฟ้อสูงนานกว่าคาดการณ์ เกิดจากหลายปัจจัยรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน การล็อกดาวน์ของจีน ผลกระทบจากสงคราม รวมไปถึงราคาพลังงานอยู่ในระดับสูง ทำให้นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เร่งขึ้นดอกเบี้ยในช่วงแรก (front-loaded rate hikes) เพื่อหวังสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งหาก Fed ไม่สามารถควบคุมให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวในระดับที่เหมาะสมได้ อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าที่ได้สื่อสารเอาไว้ และสร้างความผันผวนต่อตลาด

การล็อกดาวน์ในจีน ยังคงอยู่ภายใต้นโยบาย Dynamic Zero Covid โดยมุ่งมั่นที่จะจัดการกับการระบาด ซึ่งการล็อกดาวน์ได้สร้างความกังวลทั้งด้านการเติบโตของเศรษฐกิจไม่เฉพาะจีนแต่รวมถึงการค้าโลก (จีนคิดเป็น 12% ของ global trade) อย่างไรก็ดี ทางการจีนก็ได้ทยอยออกมาตรการช่วยเหลือภาคส่วนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบเรื่อยๆ และยังให้คำมั่นว่าจะใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการเติบโตของ GDP ที่ตั้งเป้า 5.5% ในปีนี้

สงครามรัสเซียกับยูเครน ยังคงลากยาวมาตั้งแต่ต้นปี และยังมีทีท่ายืดเยื้อต่อไป แต่ตลาดก็ priced-in ไปมากแล้ว จะเห็นได้ว่าตลาดไม่ได้ตอบรับต่อข่าวนี้มากซักเท่าไหร่แล้วในช่วงที่ผ่านมา เพราะหันไปให้ความสนใจที่ประเด็นเงินเฟ้อและการดำเนินนโยบายของ Fed เป็นหลัก

แล้วตลาดที่ไม่ค่อยจะเอื้อต่อการลงทุนแบบนี้ เราจะถือเงินสดไว้เฉยๆ หรือเข้าลงทุนสวนกระแสดี คำตอบคือ หากคุณยังไม่รีบร้อน แนะนำรอตลาดเริ่มคลายกังวลและมีความชัดเจนกว่านี้ก่อน แต่สำหรับผู้ลงทุนระยะยาว ถือเป็นโอกาสทยอยเข้าสะสมกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตได้ เพราะ Valuation ของตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลกได้ปรับตัวลงมาแล้ว

ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำ K-VIETNAM ที่เราเชื่อมั่นว่าเป็นตลาดที่มี Positive Structural Growth เพื่อการลงทุนระยะยาวที่ดี การย่อตัวตั้งแต่ต้นปีมากว่า 17% ทำให้น่าสนใจเข้าลงทุน คาดจะเห็นการเติบโตที่โดดเด่นของทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้น เมื่อเทียบกับกลุ่ม ASEAN Emerging Markets อย่างไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ การสนับสนุนจากภาครัฐ และจากนักลงทุนต่างชาติ ล้วนผลักดันให้เกิดการเติบโตในระยะยาว

สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง แนะนำ K-GINCOME กองทุนผสมที่สามารถรักษาผลการดำเนินงานที่ดีมาได้ในทุกวิกฤติ โดยเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายกว่า 3,000 สินทรัพย์ทั่วโลก ในภาวะที่การหาอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ต่างๆ ทำได้ยาก แต่ผู้จัดการกองทุนหลักยังสามารถเฟ้นหาสินทรัพย์ที่ให้รายได้สม่ำเสมอ อาทิ ตราสารหนี้ทั้งที่อยู่ในระดับน่าลงทุน (Investment Grade) และที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่ลงทุนได้ (Non-Investment Grade) รวมถึงหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูง ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งแบบรับซื้อคืนอัตโนมัติ (Redemption) ที่ผู้ลงทุนจะได้รับเงินคล้ายปันผลแต่ไม่ต้องเสียภาษี และแบบสะสมมูลค่า (Accumulation) ที่รายได้จะกลับเข้าสู่กอง เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้มากขึ้นในอนาคต

และท้ายสุด สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ไม่อยากถือเงินสดไว้เฉยๆ สามารถลงทุน K-SF กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ที่การเปลี่ยนแปลงของราคาจะมีความผันผวนต่ำ และให้โอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากออมทรัพย์ เหมาะพักเงินระยะสั้นๆ รอเข้าลงทุนเมื่อโอกาสมา

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน