posttoday

ลงทุนช่วงเศรษฐกิจฟื้น เงินเฟ้อมา ดอกเบี้ยขึ้น

17 กุมภาพันธ์ 2565

ช่วงนี้เองนักลงทุนจะเริ่มปรับพอร์ตการลงทุน จะเริ่มเห็นตลาดมีการพักฐานลงมาบ้าง ซึ่งทุกครั้งที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอก ตลาดสหรัฐฯ จะผันผวนและพักฐาน ระดับ 10-17%

สวัสดีครับเพื่อน ๆ นักลงทุน ประเด็นการลงทุนช่วงนี้ไม่มีเรื่องไหนร้อนแรงเท่าเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่เป็นผลพวงจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของโลก ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มมากขึ้น แต่ในส่วนของการผลิตสินค้าทำได้ไม่ทันความต้องการ จึงเกิดสภาวะ Shortage หรือขาดแคลนสินค้า ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งดูเหมือนจะเป็น Good problem นะครับ เศรษฐกิจฟื้นตัว ขายของมากขึ้น ราคาสินค้าก็ปรับเพิ่ม แต่สิ่งที่ตามมาและอาจจะกลายเป็น Bad problem ได้คือ เมื่อราคาปรับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ผู้บริโภคจ่ายไม่ไหวจะเกิดสิ่งที่ธนาคารกลางต่าง ๆ กลัวคือ Stagflation กล่าวคือสภาวะที่ราคาสินค้าต่าง ๆ แพง แต่ผู้บริโภคไม่มีกำลังจ่าย ซึ่งจะทำให้เกิดการถดถอยของทางเศรษฐกิจได้

โดยเครื่องมือที่ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ใช้ในการควบคุมเงินเฟ้อคือ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกถูกกระทบจาก Covid-19 ดอกเบี้ยนโยบายถูกใช้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0-0.25% เพื่อผ่อนคลายทำให้ระบบธุรกิจมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง เกิดการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกันชุดใหญ่ รวมถึงอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบด้วยการซื้อพันธบัตรหรือ QE แต่พอมาวันนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวจนเริ่มจะปกติการใช้นโยบายผ่อนคลายต่อไปจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนอาจจะก่อให้เกิดฟองสบู่ในราคาสินทรัพย์และเงินเฟ้อจนควบคุมไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องดึงสภาพคล่องออกจากระบบหรือ QT ด้วยการหยุดการซื้อพันธบัตร และอาจจะขายพันธบัตรที่ได้ซื้อมาโดยตลอดออกไป ซึ่งทำให้ราคาพันธบัตรลดลงและอัตราผลตอบแทนหรือ Bond Yield ปรับตัวสูงขึ้น และ Fed เองก็ต้องปรับดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้หากมองย้อนไปในปลายปีที่แล้ว การคาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed Fund มีโอกาสปรับขึ้น 2-3 ครั้งเท่านั้น แต่พออัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อย่างล่าสุดเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถือว่าสูงมากนะครับสำหรับสหรัฐฯ ตลาดจึงมีการปรับการคาดการณ์ว่ามีโอกาสปรับขึ้นถึง 5-6 ครั้งและการประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนวันที่ 15-16 มี.ค.2565 นี้ ประเด็นที่ตลาดจับตาไม่ใช่ว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่เป็นว่าจะเพิ่มขึ้นครั้งนี้ที่เท่าไหร่จะ 0.25% หรือเป็น 0.50% เลย เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่กำลังร้อนแรง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาเวลา Fed ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้วจะปรับต่อเนื่องเป็นปี ๆ ซึ่งอาจจะใช้เวลา 2-3 ปีโดยกลับไปสู่ค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ระดับ 2.5-3% ได้

ช่วงนี้เองนักลงทุนจะเริ่มปรับพอร์ตการลงทุน โดยเราจะเริ่มเห็นตลาดมีการพักฐานลงมาบ้าง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากต่ำแล้วทยอยปรับขึ้น ตลาดสหรัฐฯ จะผันผวนและพักฐาน ระดับ 10-17% จนกระทั่ง Fed ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกแล้วตลาดก็จะกลับเข้าสู่โหมดปกติมากขึ้น และในช่วงนี้ก่อนที่ Fed จะเริ่มขึ้นดอกเบี้ย นักลงทุนจะเริ่มมองหาหุ้นกลุ่มที่ Value มากขึ้น คือ Valuation ที่ไม่แพง มีปันผลสามารถสู้กับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นได้ และผ่อนจากกลุ่ม Growth ที่เติบโตสูงอยู่สักระยะ โดยเมื่อสถานการณ์เริ่มนิ่ง ก็อาจจะกลับไปลงทุนหุ้นเติบโตอีกครั้ง โดยต้องเป็นกลุ่มเติบโตที่มีความแน่นอนที่สูงหน่อย

ส่วนหุ้นไทยรอบนี้เรา Laggard เมื่อปีที่แล้วเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ตลาด และเราจะเริ่มฟื้นตัวในปีนี้ แม้ว่าจะค่อยเป็นค่อยไป แต่นักลงุทนต่างชาติหลังจากที่ห่างเหินขายออกจากหุ้นไทยมานานก็เริ่มกลับเข้ามา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่อย่างพลังงานและธนาคาร ซึ่งธนาคารเองถือว่าทำได้ดี และเป็นตัวแทนเศรษฐกิจประเทศไทยได้ อีกทั้งราคาโดยรวมยังไม่แพง ซึ่งก็เข้าข่ายเป็นกลุ่มที่ Value ทั้ง P/E และ PBV ที่ต่ำ ซึ่งราคายังอยู่ต่ำกว่าช่วงก่อน Covid-19 พอสมควร แถมยังมีเงินปันผลที่น่าสนใจ และในกรณีที่เศรษฐกิจฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ก็ส่งผลดีกับกลุ่มการเงินที่มีแนวโน้มได้ส่วนต่างดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ประเทศไทยจึงดูเหมือนเป็นประเทศ Laggard และ Value ในสายตานักลงทุนต่างชาติ ซึ่งปีนี้โดยรวมน่าจะเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นไทย

สำหรับใครที่อยากกระจายการลงทุน ผ่านกองทุนรวมที่เน้นกลุ่มธนาคาร, สถาบันการเงิน, กองทุนบัวหลวงธนคม หรือ BTK ก็เป็นทางเลือกที่ดี และสามารถกระจายการลงทุนให้กับนักลงทุนได้ง่าย ๆ และปัจจุบันหลักทรัพย์บัวหลวงก็ให้บริการเปิดบัญชีกองทุนแบบไม่เปิดเผยรายชื่อ หรือ Omnibus ที่สามารถเปิดบัญชีกองทุนได้ง่ายในรูปแบบ Online ผ่าน www.bualuang.co.th พร้อมบัญชีหุ้นที่ใช้เวลาอนุมัติเพียง 15 นาที สะดวก ง่าย และปลอดภัย ใช้ข้อมูลที่ให้กับหลักทรัพย์บัวหลวงไว้ที่เดียวจบเลยครับ