posttoday

เปิดโลกเสมือนจริงกับ Metaverse

11 ธันวาคม 2564

Metaverse คือ แนวคิดในการสร้างสภาพแวดล้อมของโลกแห่งความจริงและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นชุมชนโลกเสมือนจริง

สำหรับกระแสที่ร้อนแรงที่สุดทั่วโลกตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “Metaverse” ที่เริ่มถูกพูดถึงในแวดวงเทคโนโลยีและการลงทุน โดยเฉพาะหลังจาก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น "Meta" พร้อมกับแนวทางการดำเนินธุรกิจ ยิ่งทำให้โลกของ Metaverse ถูกจับตามองมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจาก Facebook แล้ว อีกหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ก็เริ่มทยอยออกมาประกาศถึงการเข้าสู่ธุรกิจ Metaverse ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Microsoft, Nike, หรือแอปพลิเคชันหาคู่ชื่อดังอย่าง Tinder

Metaverse คือ แนวคิดในการสร้างสภาพแวดล้อมของโลกแห่งความจริงและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นชุมชนโลกเสมือนจริงที่สามารถผสานวัตถุรอบตัวและสภาพแวดล้อมให้เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว เสมือนว่าได้ออกไปใช้ชีวิต มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลภายนอก สร้างกิจกรรมร่วมกันเหมือนเรากำลังอยู่ในสถานที่นั้น ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วเรากำลังทำกิจกรรมทั้งหมดอยู่ภายในบ้านของตัวเอง โดยการใช้ 2 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ VR (Virtual Reality) และ AR (Augmented Reality) ที่เข้ามาช่วยในการเชื่อมโยงผ่านอินเทอร์เน็ตระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือนจริง

หากลองยกตัวอย่างที่ทุกคนอาจจะพอนึกออกและเคยเห็นมาบ้าง เช่น เครื่อง PlayStation สำหรับผู้เล่นที่ใส่แว่น VR เป็นอุปกรณ์เสริม จะสามารถเห็นคอนเทนต์รอบทิศทาง 360 องศาได้ หรือ AR จากเกมส์ Pokemon Go ที่เคยได้รับความนิยมเมื่อ 4-5 ปีก่อน นอกจากนี้ ประโยชน์ของ Metaverse ที่จะมีโอกาสถูกพัฒนาและนำไปใช้ในชีวิตจริง ยังอาจจะมีในอีกหลาย ๆ ด้าน เช่น ด้านการแพทย์ ใช้ในการผ่าตัดทางไกล หรือจำลองการผ่าตัดเสมือนจริง, ด้านวิศวกรรม ใช้ในการออกแบบหุ่นยนต์ หรือออกคำสั่งทางไกลในการปฏิบัติงาน, ด้านอีคอมเมิร์ซ ใช้ในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ โดยจำลองใช้สินค้าโดยไม่ต้องไปที่ร้านค้า, ด้านการลงทุน : ใช้ในการซื้อสินค้า NFT ออนไลน์, เทรดคริปโตฯ, ด้านท่องเที่ยว ใช้ในการจำลองท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์หรือสถานที่ต่าง ๆ และด้านบันเทิง ใช้ในการจัดคอนเสิร์ตเสมือนจริง หรือสร้างตัวละครเสมือนจริงในภาพยนตร์ เป็นต้น

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว Metaverse ไม่ได้เพิ่งจะกำเนิดขึ้น แต่มีจุดเริ่มต้นมาจากนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง “Snow Crash” ของ Neal Stephenson นักเขียนชาวอเมริกัน ในปี 1992 ที่เล่าเรื่องราวของโลกในยุคอนาคตที่มนุษย์และคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกันผ่านเทคโนโลยีในโลกเสมือนจริงซึ่งถือว่าล้ำสมัยเกินจินตนาการของคนในยุคนั้น นอกจากนี้ยังมีภาพยนต์อย่าง Ready Player One ที่ออกฉายในปี 2018 ที่ทำให้เราเริ่มเห็นภาพในจินตนาการของ Metaverse ได้ชัดเจนขึ้น และอีกจุดเปลี่ยนสำคัญที่เปรียบเสมือนเป็นปัจจัยเร่งสำหรับแนวคิด Metaverse ในการนำมาใช้ในโลกความเป็นจริงได้เร็วขึ้น คือการระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องกักตัวอยู่ในบ้าน ไม่มีโอกาสได้ออกไปใช้ชีวิต เดินทาง ทำงาน ผจญภัย ซึ่งแนวคิดของ Metaverse สามารถเข้ามาเติมเต็มได้อย่างพอดี

ส่วนของการลงทุน โดยจากกระแสที่กำลังร้อนแรงในขณะนี้ ทำให้บริษัทหรือหุ้นที่กำลังพัฒนา Metaverse หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้รับความสนใจเป็นอย่างมากตามด้วย โดยปัจจุบันมีการจัดทำดัชนีที่ชื่อว่า "The Ball Metaverse Index" ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นของ 41 บริษัทชั้นนำทั่วโลกที่มีเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุค Metaverse เช่น Meta Platform (Facebook), Microsoft, NVIDIA, Sea, Amazon, Apple ที่อยู่ในตลาดสหรัฐฯ หรือแม้กระทั่งบริษัทอย่าง Tencent ที่อยู่ในฮ่องกง, Sony ของญี่ปุ่น และ Samsung ของเกาหลี นอกจากนี้ยังมี "The Roundhill Ball Metaverse ETF" (META) ที่เป็นกองทุน ETF ในตลาดสหรัฐ ที่เปิดโอกาสนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในธีมนี้สามารถซื้อกองทุนเพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่ล้อไปกับหุ้นที่อยู่ในดัชนี The Ball Metaverse Index อีกด้วย

สำหรับประเทศไทย ถึงแม้ว่าเรายังไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้แข่งกับบริษัทระดับโลก แต่เชื่อว่าประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นผู้นำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้อย่างแน่นอน โดยองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการท่องโลก Metaverse คือ 1) Internet จำเป็นต้องมีความเร็วสูงเพื่อตอบสนองได้ทันทีและต่อเนื่อง ซึ่งผู้ให้บริการทั้งมือถือและบอร์ดแบรนด์ในบ้านเรา คงต้องมีการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบ Internet ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทที่ทำธุรกิจ Internet Provider, Data Center, System Integrator, Software Engineering เหล่านี้น่าจะได้ประโยชน์จากความต้องการใช้ข้อมูลที่สูงขึ้น 2) Devices เช่น แว่น ถุงมือ VR AR, Smart Watch หรือ Gadget ใหม่ๆ ในอนาคต ซึ่งคาดว่าไทยจะได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการเป็นผู้ผลิตส่วนหนึ่งของ supply chain ของอุปกรณ์เหล่านี้ที่จะมีความต้องการสูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภค