posttoday

เชื่อว่าการใช้จ่ายแบบล้างแค้นจะกลับมาในบ้านเมืองเราแน่ ๆ

29 พฤศจิกายน 2564

เรื่องตะลุย ตะลุมบอนซื้อข้าวของ ชาวสยามก็ไม่เคยน้อยหน้าใคร อย่าไปพูด เบาได้เบา ออมก่อนใช้ คิดก่อนซื้อ อดทนเก็บเงินนะ... มันยากที่จะทำใจ ส่วนเรื่องหนี้สิน ก็ไปว่ากันหลังปีใหม่

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่าย ๆ ตอนที่ 50/2564 โดย...สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่เครดิตบูโร

ผู้เขียนได้เฝ้าติดตามการกลับมาใช้ชีวิตของผู้คนในประเทศที่มีการฉีดวัคซีนกันมากพอ และผู้คนในประเทศก็เสรีกันถึงขีดสุด ใครจะฉีดวัคซีนก็ได้ฉีด ใครไม่ฉีดวัคซีนก็ไม่ต้องฉีด ใครจะเชื่อ ใครจะพูดอะไรก็ทำได้ขีดสุด และเมื่อโลกของพวกเขาได้เปิดโอกาสให้กลับเข้ามาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับความปกติเก่าที่เรียกว่าความเป็นปกติใหม่ภายใต้เสรีภาพหลังโควิด-19 ตัวอย่างหนึ่งของการฟื้นตัวด้านการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปลายปี ซึ่งก็เป็นรับรู้กันว่างานเทศกาล Black Friday เพื่อการชอปปิงมันจะยิ่งใหญ่มาก ๆ ของฝรั่ง ครอบครัวน้องคนหนึ่งของผู้เขียนที่ย้ายชีวิตไปอยู่ที่นิวยอร์กก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตัวร้าย ได้บรรยายถึงการกลับมาจับจ่ายใช้สอยของผู้คนแบบที่เรียกว่า "การฟื้นตัวของการบริโภคแบบแก้แค้น" ไว้ดังนี้

... อยากให้เทศกาล Black Friday กับ Cyber Monday จบไปไว ๆ จริง ๆ … เลือกซื้อของจนไม่ได้ทำการทำงานเลย คนชอปก็เหนื่อยมากรู้สึกใช้ energy กับ brainpower ไปเยอะสุด ๆ กว่าจะได้ของครบบวกกับการให้อยู่ใน Efficient Frontier (อันนี้ติดนิสัยจากการดู portfolio หุ้นเยอะ และเป็นความโรคจิตเบา ๆ ของตัวเอง)

ปีนี้ผู้ขายแข่งกันจัดโปรโมชันดุเดือดมากถึงมากที่สุด

ทั้งร้านค้า หน้าร้าน vs ออนไลน์

Department stores vs Official owners

ลดการให้เงินสด vs ให้ Gift card

บัตรเครดิต vs บัตรเครดิต (จะจ่ายเงินทีก็ต้องคิดหนักว่าจะใช้บัตรไหน เพราะบัตรเครดิตก็แข่งกันจัดโปรโมชันและ Cashback)

บัตรเครดิต vs Store card (ห้างร้านก็ไม่ยอมน้อยหน้า ถ้าใช้ Store card จ่ายเงินก็จะได้ Cashback + ได้ Star rewards points เพิ่มนำไปลดต่อได้อีก)

ส่งฟรี (3-5วัน) vs ยอม delay 1 สัปดาห์ (หากยอมรับของช้าจะได้เงินคืน $10/order) ตอนนี้ได้เงินมา $70 แล้วจากการเลือกยอม delay ให้ส่งของช้าไป 1 สัปดาห์

ส่งฟรี (3-5วัน) vs ได้วันนี้เลย (แต่ต้องจ่ายเพิ่ม $5)

หลายแบรนด์ค่อย ๆ ไล่ลดราคาทีละวันจาก 20% จนลดไปถึง 75% วัดใจกันไประหว่างคนขายกับคนซื้อ ว่าใครจะทนได้นานกว่ากัน ว่าของที่อยากได้อาจจะหมดก่อนได้ทุกเมื่อ หลายอย่างหมดไปตั้งแต่ลดถึงแค่ 30-40% เรียกว่างัดกลเม็ด?เคล็ดลับ?กันออกมาดึงเงินในกระเป๋าของผู้ซื้อให้มากที่สุดมาเข้ากระเป๋าของผู้ขาย? ในขณะที่บาง Brand ก็รอไปเถอะ ถึงเวลาดันไม่ลดอะไร ให้เป็น Gift set แทน

Woodbury Common Premium Outlets เป็น Outlet ลดราคาชื่อดังประจำย่านนี้ (คนไทยไปกันมากมายหากเดินทางไปอเมริกาในเมืองใหญ่แห่งนี้)? คนเยอะถล่มทลาย ที่จอดรถไม่มีเหลือว่าง คนมานอนรอข้ามคืนกันที่ Outlet เลย ร้าน Brand ยอดนิยมอย่าง Nike Adidas และ North Face ต่อแถวยาวนานตากลมหนาวกันถึง 3-4 ชั่วโมง (แม้อุณหภูมิจะเหลือ 1-4 องศาเซลเซียส) ส่วนที่เป็น Luxury Brand เช่น Prada Gucci และอื่น ๆ ไม่ต้องพูดถึง (ท่านผู้อ่านลองจินตนาการนะครับว่าแถวคิวรอเข้าร้านยาวประมาณไหน)?

สรุปว่าในช่วงแรกของการซื้อของแบบ "ล้างแค้น" หลังไวรัสโควิด-19 ระบาดใหญ่จบ (คนอเมริกันบอกว่าจบแล้ว)? ในรูปแบบของการแข่งขันจากฝั่งผู้ขายทั้ง? Online และ Offline แล้วนั้นพบว่าของที่ได้มาแล้วช่วง Black Friday คือ

AirPods Pro, Moisturizer, Serum, Hand cream, Hand sanitizer, Hand wash, Body lotion, Makeup, เครื่องทำฟองนม และเครื่องทำ Hot Chocolate, เซตแก้วไวน์ ($80>>$28), เซตจานชาม ($240>>$80), เซต Mug, Flatware, เสื้อ Coat, เสื้อ Jacket ($250>>$69), เสื้อ Sweater, รองเท้า Boots, รองเท้า Ultraboots, Electronic Gadget...

ในความเห็นของผู้เขียนบอกได้คำเดียวว่า ลักษณะการซื้อข้าวของแบบนี้จะเกิดกับบ้านเราแน่นอน เพราะความอัดอั้นตันใจที่ผู้คนชาวไทยไม่สามารถออกมาใช้ชีวิตสนุกสมใจอยากในช่วงปลายปี 2562 -2563 ซึ่งทุกคนก็ต่างวาดหวังในช่วงปลายปีนี้ ปี 2564 นี่แหละ ปีที่ใคร ๆ ก็ยอมรับว่า

หนี้บาน งานน้อย

ต้องคอยวัคซีน

จะบินไปไหนก็ไม่ได้

เมื่อเปิดบ้านเปิดเมืองกันตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2564 บรรยากาศเก่า ๆ รถติดก็เริ่มมาแล้ว เดือนธันวาคมนี่แหละครับ เราจะได้เห็นกันจะ ๆ ว่า เรื่องตะลุย ตะลุมบอนซื้อข้าวของ ชาวสยามก็ไม่เคยน้อยหน้าใคร อย่าไปพูดเลยครับว่า เบาได้เบา ออมก่อนใช้ คิดก่อนซื้อ อดทนเก็บเงินนะ... มันยากที่จะทำใจ ส่วนเรื่องหนี้สิน ก็ไปว่ากันหลังปีใหม่ ปี 2565-2566 ปีแห่งการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวแบบยั่งยืน ส่วนจะยืนหรือจะนอน เราจะได้เห็นวันไม่เกินเดือนมิถุนายน 2565 แน่นอนครับผม

ขอบคุณครับ