posttoday

ค่าบาท ลุ้นระบาดของโควิดกลายพันธุ์ครั้งใหญ่

29 พฤศจิกายน 2564

จับตามองการแพร่ระบาดของโควิดกลายพันธุ์ครั้งใหญ่ในแอฟริกาใต้ และตลาดแรงงานสหรัฐฯ

คอลัมน์ มันนี่วีก (Money… week)โดย...กฤติกา บุญสร้างสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย

สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-34.00 ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือการกลายพันธุ์ครั้งใหญ่ของโควิด-19 ในแอฟริกาใต้ชื่อสายพันธุ์นิว (Nu) ซึ่งโปรตีนหนามของไวรัสกลายพันธุ์มากกว่า 30 ตำแหน่ง ทำให้องค์การอนามัยโลกเรียกประชุมด่วน แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอนถึงคุณสมบัติของสายพันธุ์ใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างความกังวลระลอกใหม่ให้แก่นานาประเทศ ส่งผลสหภาพยุโรป อังกฤษ สิงคโปร์ และฮ่องกงปิดรับเที่ยวบินที่มาจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียงแล้ว

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขสำคัญของตลาดแรงงาน ทั้งอัตราการว่างงานและการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ในขณะที่เฟดจะเปิดเผยรายงานเศรษฐกิจ ซึ่งจะสะท้อนมุมมองของเฟดที่มีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะที่ยุโรปจะมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายนที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น ทางด้านไทย ธปท. จะรายงานดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนตุลาคมที่คาดการณ์ว่าจะติดลบต่อเนื่องและส่งผลกดดันต่อค่าเงินบาท ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนในวันศุกร์นี้

ภาพรวมตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงวันที่ 22-26 พฤศจิกายน 2564 ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงมาก ท่ามกลางความกังวลต่อการกลายพันธุ์ครั้งใหญ่ของโควิด-19 ในแอฟริกาใต้ ด้านรัฐบาลยกเลิกเคอร์ฟิวและจังหวัดสีแดงเข้มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2021 แต่ต่ออายุ พรก.ฉุกเฉินอีก 2 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2022 และให้เปิดสถานบันเทิงวันที่ 16 มกราคม 2022 พร้อมทั้งอนุมัติสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 30 ล้านโดส โดยมีกำหนดส่งมอบในไตรมาสที่ 1-3 ปี 2022 นอกจากนี้ รัฐบาลยังประกาศตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 28 บาทต่อลิตร เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อ โดยการยกเลิก บี10 และบี20 และอนุญาตให้ผลิตเพียง บี7 เท่านั้น ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ การส่งออกไทยในเดือนตุลาคมขยายตัว 17.40%YoY ดีกว่าคาดการณ์ เนื่องจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของคู่ค้า ในขณะที่การนำเข้าเดือนตุลาคมขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนกันยายนและสูงกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้ดุลการค้าไทยพลิกติดลบ ในขณะที่ สศช. เปิดเผยตัวเลขการว่างงานของคนไทยอยู่ที่ 2.25% เท่ากับมีผู้ว่างงานราว 870,000 คน เนื่องจากผลของโควิด-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเทศที่ไทยที่พึ่งพาการท่องเที่ยวในระดับสูง ในขณะที่แรงงานในภาคการท่องเที่ยวคิดเป็น 21.4% ของการจ้างงานโลก หรือ 8 ล้านคน

ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 14 เดือน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่ไบเดนเสนอชื่อโพเวลเป็นประธานเฟดสมัยที่ 2 และเสนอเบรนนาร์ดเป็นรองประธานเฟด โดยทั้งสองคนให้คำมั่นว่าจะใช้เครื่องมือจัดการกับเงินเฟ้อ ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนความเร่งในการลดคิวอี ในขณะที่สมาชิกเฟดออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนการลดคิวอีเร็วขึ้นและการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งรายงานการประชุมเฟดยังส่งสัญญาณระบุความกังวลต่อเงินเฟ้อและมีแนวโน้มเร่งลดคิวอีและขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ทางด้านตัวเลขตลาดแรงงานที่ดีกว่าคาด โดยการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ อยู่ที่ 199,000 คน ในสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1969 และน้อยกว่าคาดการณ์ที่ 260,000 คน ด้านตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ ไตรมาสที่ 3 ในการประกาศครั้งที่สอง เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.1% annualised QoQ แต่ยังต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดเล็กน้อย ทั้งนี้ งบประมาณใช้จ่ายด้านสังคมมูลค่า 1.75 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ของไบเดนได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แล้ว และจะนำให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ สหรัฐฯ อินเดีย และญี่ปุ่นประกาศปล่อยน้ำมันสำรอง 50, 5 และ 4.2 ล้านบาร์เรลตามลำดับ เพื่อจัดการกับปัญหาราคาน้ำมันและเงินเฟ้อพุ่งสูง และกดดันโอเปกพลัส อย่างไรก็ตาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ระบุว่าโอเปกพลัสไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าแผนเดิมที่วางไว้ ทั้งนี้ ต้องติดตามการประชุมโอเปกพลัสในวันที่ 2 ธันวาคมนี้

สถานการณ์โควิด-19 ในยุโรปมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น กดดันให้ออสเตรียต้องประกาศปิดเมือง ในขณะที่เยอรมนีกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกที่ 4 แมร์เคิลระบุถึงความเสี่ยงสำคัญที่เยอรมนีกำลังเผชิญ ในขณะที่ฝรั่งเศสประกาศว่าจะไม่มีการปิดเมืองหรือเคอร์ฟิว แม้ผู้ติดเชื้อรายใหม่จะพุ่งขึ้น ด้านเบลเยี่ยมพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์นิวจากแอฟริกาใต้แล้ว 1 ราย สร้างความกังวลเพิ่มขึ้นต่อการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ทั้งนี้ อีซีบีเปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อเดือนตุลาคมระบุว่าเงินเฟ้ออาจพุ่งขึ้นอีกและจึงจะชะลอลงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า โดยอีซีบีต้องการที่จะรักษาทางเลือกในการดำเนินนโยบายต่างๆไว้หลังเดือนธันวาคม เนื่องจากยังคงมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนสูง ในขณะที่การคาดการณ์ของตลาดเป็นปัจจัยที่กดดันธนาคารกลางมากพอสมควร

ด้านเอเชีย นายกรัฐมนตรีจีน หลี่เค่อเฉียงระบุว่าจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ในขณะที่รัฐบาลจีนพยายามที่จะสนับสนุนให้การตลาดแรงงานมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ ทางการจีนยังเสนอให้จำกัดธุรกรรมการเก็งกำไรค่าเงินของธนาคาร โดยในเฉพาะในช่วงเวลาที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้น ด้านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ฟุมิโอะ คิชิดะ เปิดเผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 56 ล้านล้านเยน หรือ 4.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 10% ของจีดีพี หลังจากที่อาเบะและสุงะกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้ว 38 และ 40 ล้านล้านเยน ตามลำดับ ในปี 2020 ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้น ท่ามกลางการผ่อนคลายมาตรการของภาครัฐ

เงินบาทปิดตลาดที่ 33.60 ในวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ณ เวลา 17.00 น.