posttoday

ทำไมตลาดหุ้นจีน A-Shares ยังดี...ในยามที่ตลาดหุ้นโลกผันผวน

17 กรกฎาคม 2563

คอลัมน์ เข็มทิศนักลงทุน โดย...กิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย

สภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกในปัจจุบันยังคงมีความผันผวนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ประกอบกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่เริ่มกลับมาระอุอีกครั้ง ซึ่งความไม่ลงรอยกันของ 2 ประเทศมหาอำนาจ ก็ได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลกเช่นกัน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นจีน A-Shares ยังสามารถทำผลงานได้ดีกว่าตลาดอื่น แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนยังแข็งแกร่งอยู่ได้?

ปัจจัยแรกซึ่งนับเป็นสาเหตุหลัก คือ จีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นประเทศแรกของโลกอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงทางการจีนเร่งอัดฉีดเม็ดเงิน และคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ จึงทำให้จีนเป็นประเทศขนาดใหญ่เพียงประเทศเดียวที่ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ในปีนี้

ปัจจัยที่สอง คือ ผู้ถือหุ้น A-Shares ส่วนใหญ่เป็นผู้ลงทุนในประเทศ จึงรอดจากการโดนเทขายจากนักลงทุนต่างชาติเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และในขณะเดียวกัน บริษัทในตลาดหุ้นจีน A-Shares ได้รับผลกระทบจากประเด็นความขัดแย้งกับสหรัฐฯอย่างจำกัด เนื่องจากรายได้ของบริษัทกว่า 90% มาจากการบริโภคภายในประเทศ

ปัจจัยที่สาม คือ จีนได้พัฒนาจากประเทศที่ผลิตสินค้าด้วยต้นทุนต่ำ (Old Economy) ไปสู่การผลิตสินค้าด้วยเทคโนโลยี (New Economy) ภายใต้นโยบาย Made in China 2025 ที่เน้นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปแบบการผลิตจากการเน้นปริมาณสู่การเน้นคุณภาพ รวมถึงขั้นตอนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งนี้ จีนยังคงความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านการผลิต โดยเห็นได้จากประสิทธิภาพทางการผลิตที่ฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็วหลังการคลายล็อกดาวน์ ทำให้การจะย้ายฐานการผลิตออกจากจีนในระยะสั้นจึงเกิดขึ้นได้ยาก

ปัจจัยข้อสุดท้าย คือ จีนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทของจีนในระยะยาวทั้งในแง่การขยายฐานลูกค้าและความมีเสถียรภาพของระบบ เนื่องจากกำลังการซื้อของผู้บริโภคในจีนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีความต้องการการเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยเลือกใช้สินค้าและบริการจากผู้ผลิตภายในประเทศในระดับพรีเมี่ยมมากขึ้น ดังนั้น หุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภคและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยจึงได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปโดยหันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ยังได้ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธุรกิจออนไลน์และเทคโนโลยีได้รับอานิสงน์ตามไปด้วย นอกจากนี้ โครงสร้างของประเทศที่ขยายตัวสู่สังคมเมืองมากขึ้น ทำให้หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานจะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในระยะสั้น ส่วนในระยะยาวมองว่าหุ้นกลุ่มการศึกษาและการดูแลรักษาสุขภาพจะได้รับประโยชน์

จากปัจจัยข้างต้นจะเห็นว่าจีนยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และด้วยระดับราคาหุ้น (Valuation) ยังอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค ทำให้หุ้นจีน A-Shares ยิ่งดูมีความน่าสนใจมากขึ้น ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในระยะยาว รวมถึงการเข้าลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ซึ่งกองทุนของกสิกรไทยที่เข้าลงทุนในตลาดหุ้นดังกล่าว และอยากแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จัก นั่นคือ กองทุนเปิดเค ไชน่า คอนโทรล โวลาติลิตี้ (K-CCTV) โดยมีนโยบายมุ่งสร้างผลตอบแทนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในจีนที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ผ่านกองทุนหลัก UBS (Lux) Investment SICAV – China A Opportunity (USD), Class P-acc และกระจายการลงทุนบางส่วนผ่านกองทุน Schroder International Selection Fund – China A, Class A Accumulation USD นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนยังบริหารความเสี่ยงโดยใช้ Quantitative Model เพื่อพิจารณาระดับความผันผวน และปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดในแต่ละขณะ อย่างไรก็ตาม จีนอาจยังคงมีความผันผวนในระยะสั้นอยู่บ้าง แต่หากท่านใดที่เชื่อมั่นในศักยภาพของจีนและสามารถถือครองหน่วยลงทุนได้ในระยะยาว ก็ไม่ควรมองข้ามที่จะเลือกกองทุน K-CCTV มาเป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตการลงทุนของท่านครับ