posttoday

B–ENHANCED โอกาสของกองทุนรวมตราสารหนี้

03 เมษายน 2563

คอลัมน์ ห้องความรู้บัวหลวง โดย...พริ้มพัชร จิรบวรพงศา, AFPTTM กองทุนบัวหลวง

กองทุนรวมตราสารหนี้ เป็นเครื่องมือการลงทุนที่นักลงทุนต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากอยู่นิดหน่อย และค่อนข้างสม่ำเสมอ ผู้ลงทุนส่วนใหญ่จึงเลือกใช้เป็นแหล่งพักเงินหรือสำรองไว้ในยามฉุกเฉิน อีกทั้งยังใช้เป็นส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงสำหรับการจัดพอร์ตลงทุน (Asset Allocation) และใช้เป็นสภาพคล่องในการปรับพอร์ตการลงทุนอีกด้วย

ความคุ้นเคยจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น อาจทำให้ผู้ลงทุนส่วนหนึ่งเข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่า การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ “ไม่มีทางขาดทุน” แต่ในความเป็นจริง การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้มีโอกาสขาดทุนได้เช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับอัตราผลตอบแทนของตลาด (Market Yield) ในวันนั้นคำนวณกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมตราสารหนี้ ให้สะท้อนราคาที่เป็นธรรม (Mark to Market) ตามกฎเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. รวมถึงความเสี่ยงจากการที่ผู้ออกตราสารจะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถพิจารณาจากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ก่อนตัดสินใจลงทุน

การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ จึงมีความเสี่ยงในระดับต่ำถึงปานกลางค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ตามที่กล่าวข้างต้น และแม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็ยังน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดการลงทุนมีความผันผวนเช่นปัจจุบัน ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่การเลือกกองทุนรวมตราสารหนี้ให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่ต้องการ ภายใต้ความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้

ปัจจุบัน นักลงทุนแสวงหาโอกาสจากการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้กันมากขึ้น โดยเลือกลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะปานกลางและระยะยาวเพื่อรับผลตอบแทน อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องเข้าใจเรื่องความผันผวนของราคาว่า อาจมีขึ้นลงอยู่บ้าง แต่หากถือครองได้ตามอายุคงเหลือของตราสารหนี้ที่ลงทุนก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดี สำหรับกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะปานกลาง อายุถือครองที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 1–3 ปี กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาว อายุถือครองที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 3–7 ปี ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะแต่ละกองทุนก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป

สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ช่วงนี้ หากผู้ลงทุนต้องการได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ขอแนะนำให้พิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ในกลุ่ม Non–Investment Grade คือ ตราสารหนี้ที่ถูกจัดอันดับตั้งแต่ BBB- ลงไปจนถึง D โดยจัดเป็นตราสารหนี้เก็งกำไรที่แม้ว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเช่นกัน หรืออาจพิจารณาลงทุนในกลุ่ม Unrated Securities คือ ตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งการไม่ได้รับการจัดอันดับไม่ได้แปลว่าไม่ดีเสมอไป เพราะบางครั้งเกิดจากการไม่ได้นำตัวเองเข้าไปจัดอันดับ เสมือนสาวงามแต่ไม่ได้ส่งเข้าประกวด

ดังนั้น หากผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน ตราสารหนี้กลุ่มนี้กลับเป็นทางเลือกและเป็นโอกาสที่น่าสนใจ โดยกองทุนบัวหลวงมีกองทุนตราสารหนี้ ที่ชื่อว่า “กองทุนเปิดบัวหลวงเพิ่มพูน (B-ENHANCED)” เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยคงเหลือ (Duration) ประมาณ 1–7 ปี กระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเภท ทั้งแบบ Investment Grade, Non-Investment Grade และ Unrated Securities สามารถลงทุนในต่างประเทศเฉลี่ยไม่เกิน 79% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เหมาะสำหรับการลงทุนมากกว่า 1 ปีขึ้นไป นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจของกองทุนรวมตราสารหนี้ในภาวะที่ตลาดลงทุนมีความเปลี่ยนแปลง