ทำไมไวรัสโคโรน่าถึงถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤตรอบใหม่

Blackswan หรือหงส์ดำ สะท้อนถึงเหตุการณ์ไม่คาดคิดเเละอาจนำมาซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจ

ไวรัสโคโรน่าถูกมองเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ Black Swan นั้น

หลายเสียงเล่าต่อในมุมของอาวุธทางชีวภาพที่จีนจงใจเอามาทำลายโลก

ผมขอข้ามมุมนี้ เเล้วมาคุยกันในมุมมองที่กระทบตลาดหุ้นที่เเท้จริง

มองได้ในสองเเง่

หนึ่งในมุมของกำไรบริษัทจดะเบียนที่ลดลง

เเน่นอนว่าการกักบริเวณ การปิดเมือง การห้ามเดินทาง

ส่งผลกับธุรกิจค้าขายเเละการขนส่งเป็นจำนวนมาก

เมื่อห้ามคนเดินทาง เงินเลยอดเดินทางไปด้วย

เมื่อ Trade War ที่ลากยาวตลอดทั้งปีเป็นเหมือนเเผลกดทับทางธุรกิจ

เเล้วมาเจอเปิดเเผลใหม่ด้วยไวรัสโคโรน่า

อาจทำให้งบการเงินติดเชื้อ กำไรยิ่งป่วยหนัก

ส่งผลให้การคาดการณ์การทำกำไรยิ่งเเย่ไปใหญ่

จึงเป็นเรื่องปกติที่่ต้องเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงออกมาก่อน

..

..

เรื่องที่สองให้มองในมุมการออกพันธบัตร

เมื่อกำไรบริษัทได้รับการกระทบมาก

ย่อมส่งต่อไปถึงเครดิตของบริษัท

เครดิตของบริษัทมีผลต่อหุ้นกู้

ดอกเบี้ยหุ้นกู้คือต้นทุนทางการเงินของบริษัทนั้นๆในระยะยาว

ต้นทุนยิ่งสูงยิ่งทำให้บริษัทต้องเเบกรับภาระที่หนัก

เเต่ที่ซับซ้อนกว่านั้นคือกองทุนที่เข้าไปลงทุนในหุ้นกู้กลุ่มนี้

หลักเกณฑ์ของกองทุนใหญ่ที่เข้าไปซื้อพันธบัตรที่เป็น Investment Graded

พูดเป็นภาษาชาวบ้านหมายถึงลงทุนได้ มีความเสี่ยงที่พอรับได้

ต่ำกว่านี้คือ Junk Bond ที่โอกาสเจ๊งมากขึ้น กลุ่มนี้ห้ามลงทุน

หลังจากโลกเริ่มเข้าสู่นโยบายดอกเบี้ยติดลบ

เงินปริมาณมหาศาลวิ่งเข้าสู่ Debt Product ทั้งพันธบัตรทั้งหุ้นกู้

เพราะต้องการ Yield ที่สูงขึ้นเพื่อจ่ายให้กับนักลงทุน

เเต่หากบริษัทที่เข้าไปลงทุนถุก Downgrade

จาก Investment Grade สู่ Junk Bond

กองทุนเองจำเป็นต้องขายหุ้นกู้นั้นทิ้ง

เเละนี่ต่างหากคือจุดเริ่มของ Domino Effect ในการขายสินทรัพย์ต่างๆ เเละมีความเป็นไปได้ในการเกิดวิกฤตได้

..

..

ข่าวดีที่สุดของปัญหาโรคระบาดจากประวัติศาสตร์โลก

ไม่ใช่การผลิตยารักษาได้สำเร็จ

เเต่ขอเเค่อัตราผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในอัตราน้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

หรือพื้นที่ผู้ติดเชื้อได้ถุกควบคุมไว้เเล้ว

เเค่นี้ตลาดก็กลับมาเขียวสดใสได้ครับ