posttoday

ลงทุนอย่างไร หลังข้อตกลงทางการค้า

24 ธันวาคม 2562

คอลัมน์ รู้รอบโลก รู้รอบรวย โดย...โดย...ดร. ตรีพล ภูมิวสนะ Private Banking Business Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย

คอลัมน์ รู้รอบโลก รู้รอบรวย โดย...โดย...ดร. ตรีพล ภูมิวสนะ Private Banking Business Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยืดเยื้อมาแล้วเกือบ 2 ปีแล้ว การบรรลุข้อตกลงทางการค้า “ขั้นแรก” เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2019 ที่ผ่านมา พร้อมกับการประกาศจากทางการสหรัฐฯ ต่อการระงับการขึ้นภาษีอัตรา 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติม รวมทั้งการประกาศลดกำแพงภาษี ที่เคยถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าที่อัตรา 15% ในวันที่ 1 กันยายน 2019 ลงมาที่ 7.5% เหตุการณ์ดังกล่าวได้ช่วยลดความกังวลของนักลงทุนทั้งหลายที่กลัวว่าสงครามการค้าจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การตกลงขั้นแรกนี้ทำให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ต่างปิดบวกกันถ้วนหน้าหลังข่าวดังกล่าวในระดับ 1-3%

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่ได้มีการลงนามระหว่าง 2 ประเทศอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่าอาจจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม 2020 แต่สิ่งที่น่าคิดและเป็นกังวลมากกว่าคือเงื่อนไขที่ทางการสหรัฐฯ ยื่นให้ต่อจีนข้างต้นนั้นก็เพื่อแลกกับความคาดหวังจากสหรัฐฯ ที่ต้องการให้จีนนำเข้าสินค้าและบริการสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 200,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นระยะเวลาอีก 2 ปีต่อจากนี้ รวมทั้งจีนจะต้องเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ สูงขึ้นถึง 40,000 – 50,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งหากพิจารณาให้ดีจะพบว่าความคาดหวังดังกล่าวของสหรัฐฯ ต่อจีนถือว่าสูงมากเลยทีเดียว เพราะที่ผ่านมาในปี 2018 จีนนำเข้าสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ ราว 179,300 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ แค่เพียง 9 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

นอกจากนี้ ทางด้านของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ประกาศว่าสหรัฐฯ พร้อมที่จะกลับมาขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนได้อีกทุกเมื่อ หากว่าจีนไม่สามารถทำได้ตามที่คาดหวัง นอกจากนี้ แม้ว่าล่าสุดสหรัฐฯ จะประกาศยกเลิกขึ้นภาษีและลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนบางส่วน แต่มูลค่าสินค้านำเข้าจากจีนที่ยังคงถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าที่อัตราสูงถึง 25% ก็ยังเป็นมูลค่ามากถึง 267,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 50% ของมูลค่าสินค้าและบริการทั้งหมดที่สหรัฐฯนำเข้าจากจีน

ดังนั้น หนทางยังอีกยาวไกลว่าข้อตกลงขั้นแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะสามารถดำเนินการได้จริงมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงการเจรจาข้อตกลงในขั้นที่ 2 จะดำเนินการได้เร็วมากน้อยแค่ไหนจนกระทั่งทั้ง 2 ประเทศสามารถได้ข้อตกลงร่วมกัน ฉะนั้น แม้จะมีข่าวดีมาช่วยลดความกังวลได้บ้าง แต่การลงทุนที่เน้นกลยุทธ์การลงทุนที่กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและมีการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนตามสภาวะหรือความผันผวนของตลาดอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ทุกสภาวะตลาดดังเช่น กองทุนเปิดเค มัลติ-สตราทีจี บอนด์ (K-MBOND) ที่เป็นการลงทุนทางเลือก เน้นลงทุนผ่านตราสารหนี้ และสกุลเงิน ผ่านการวิเคราะห์ปัจจัยมหภาคที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทนต่อความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างมั่งคง