posttoday

หาตัวผู้สร้างบิตคอยน์! นามแฝงในชื่อ Satoshi Nakamoto

17 กรกฎาคม 2562

โดย...จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์

โดย...จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์

Bitcoin (บิตคอยน์) คือ สกุลเงินดิจิทัลแรกที่ทุกคนรู้จักกัน ถึงขั้นหลาย ๆ คนเรียกบิตคอยน์แทนคำว่าคริปโตเลยก็ว่าได้ คนที่อัพเดทข่าวคริปโตบ่อยๆก็จะทราบกันดีว่าราคาหนึ่งเหรียญบิตคอยน์ตอนนี้พุ่งขึ้นอยู่ที่ประมาณ 350,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งหลายๆคนก็คาดเดาด้วยความมั่นใจว่าราคาจะแตะ 600,000 ในอีกไม่นาน

บิตคอยน์ได้รับความเชื่อถือเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสาเหตุของระบบบล็อกเชนที่สร้างความปลอดภัยให้กับเหรียญเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังโปร่งใสและไม่สามารถมีการโกงกันได้ จนตอนนี้รัฐบาลของทั้งโลกกำลังมุ่งจุดสนใจมาที่บิตคอยน์ เพราะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล เช่นที่ประเทศไทย บิตคอยน์สามารถเทรดได้อย่างถูกกฎหมายที่ Bitkub.com เว็บเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

อย่างไรก็ตาม มีคำถามหนึ่งคำถามเกี่ยวกับบิตคอยน์ ที่ยังมีคนสงสัยมากมายและยังเป็นคำถามที่ถ้าหลาย ๆ คนยังหาคำตอบไม่ได้ นั่นก็คือ ใครอยู่เบื้องหลัง ผู้สร้างสกุลเงินดิจิทัลนี้ขึ้นมา ใครคือ Satoshi Nakamoto ที่แท้จริงกันแน่ !?

ก่อนที่เราจะมาพูดกันถึงข้อมูลและหลักฐานต่างๆของบิตคอยน์ เรามาสรุปประวัติสั้น ๆ ของบิตคอยน์กันก่อนดีกว่า

บิตคอยน์ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อต้นปี 2008 ซึ่งผู้คิดค้นได้เรียกมันในตอนแรกว่า “A Peer-to-Peer Electronic Cash System” หรือ ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนสู่เพื่อน ซึ่งเขาได้อธิบายรายละเอียดไว้อย่างชัดเจนใน whitepaper ในเดือนกรกฎาคมปี 2009 บิตคอยน์โค้ดอันแรกก็ได้ถูดเปิดเผยออกมา ซึ่งก็ทำให้มีการขุดบิตคอยน์ขึ้นครั้งแรกในตอนนั้นเช่นกัน

การแลกเปลี่ยนครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นระหว่างตัว Satoshi Nakamoto เองกับหนึ่งในผู้สนับสนุนของเขาที่ขื่อว่า Hal Finney ต่อมาในปี 2010 การซื้อขายด้วยบิตคอยน์ก็ได้เกิดขึ้นครั้งแรกโดย Laszlo Hanet ที่ซื้อพิซซ่าที่แพงที่สุดในโลก ในราคา 10,000 btc หรือคิดเป็นเงิน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ในต้นเดือนเมษายนปี 2011 Satoshi Nakamoto ได้หายไปจากวงการโดยไม่คิดจะกล่าวว่าตนคือใคร และทิ้งไว้เพียงประโยคที่ว่า “I’ve moved on to other things..” หรือ “ฉันจะไปทำอย่างอื่นแล้ว” นั่นเป็นคำของคนล้มเหลวควรกล่าวมากกว่าไหม ทำไมอยู่ดี ๆเขาถึงหายไปทั้ง ๆ ที่บิตคอยน์กำลังเติบโตมากขึ้น

ลองคิดดูอะไรจะเกิดขึ้นถ้า Bill Gates หายไปก่อนที่จะแนะนำ Window 95 หรือถ้าสตีฟ จ็อบส์ หายไปก่อนที่จะประกาศเรื่อง ไอโฟนสิ เพราะสาเหตุนี้ถึงเป็นเครื่องหมายคำถามในหลาย ๆ คนว่าความจริงคือ อะไร เขากำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้ หรือเขากำลังสร้างอะไรใหม่ๆขึ้นมาอีก ทำไมคนที่สร้างเงินดิจิทัลที่เจ๋งที่สุดถึงไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันอีก หรือว่า Nakamoto รู้อะไรที่พวกเรายังไม่รู้….

ตอนที่ Satoshi Nakamoto ยังไม่หายไปจากวงการ เขาได้ติดต่อทางออนไลน์กับคนหลายคนเกี่ยวกับบิตคอยน์ แต่เขาได้ปกปิดตัวตนที่แท้จริงผ่านทางคริปโตเมล์ ในเว็ป metzdowd.com เพราะเช่นนั้นก็มีคนจำนวนหนึ่งที่เคยได้เขียนอีเมล์ไปกลับกับตัว Satoshi ที่แท้จริงแล้ว

หลังจากที่เขาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หรือสาเหตุที่ชัดเจนหลาย ๆ คนก็ได้พยายามคาดเดาจากหลักฐานที่มีอยู่ เพราะชื่อเขาเป็นภาษาญี่ปุ่น หลาย ๆ คนก็คิดว่าเขาต้องเป็นคนญี่ปุ่นแน่ แต่คนอีกพวกที่บอกว่าภาษาอังกฤษที่เขาได้ใช้เขียนตอบกับคนอื่นเป็นภาษาอังกฤษที่ดี ไม่มีอะไรผิดเลย คนจึงคิดว่าเป็นแค่นามแฝง สำหรับตัวเราเองก็คิดว่าทำไมคนญี่ปุ่นจะใช้ภาษาอังกฤษดีแบบไม่มีที่ติบ้างไม่ได้ แต่ก็นั้นแหละ บิตคอยน์โดเมนแรกลงทะเบียนไว้กับบริษัทจากประเทศฟินแลนด์ ซึ่งก็ทำให้หลาย ๆ คนสับสนมากขึ้น

ความจริงเป็นอย่างไรเราไม่ทราบ นี่ก็ปี 2019 แล้ว ความเท่าเทียมทางเพศเป็นสิ่งสำคัญเพราะฉะนั้นเราจะไปพาดพิงว่า Satoshi เป็นผู้ชายก็ไม่ได้ด้วยซ้ำ คนเบื้องหลังทั้งหมดนี้อาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ ไม่มีใครรู้ หรือว่าทุกคนอาจจะคิดผิดทั้งหมด หากแต่ Satoshi เป็นองกรที่มีคนมากมายทำงานเพื่อสร้างบิตคอยน์ขึ้นมา ไอเดียนี้ก็เป็นหนึ่งในไอเดียแรกๆ ว่าที่จริง Satoshi Nakamoto เป็นการเอาบริษัทญี่ปุ่น 4 บริษัทมารวมกัน นั่นก็คือ Samsung Toshiba Nakamichi Motorola หรือว่าที่แท้จริงผู้อยู่เบื้องหลังเป็นคนในวงการ black market ที่ต้องการสร้างสกุลเงินใต้ดินขึ้นมา?

เรื่องการหายไปของ Satoshi ถือว่าได้รับความสนใจมากเพราะบิตคอยน์มีราคาที่สูงขึ้นจากเดิมมากและยังคิดว่าจะพุ่งสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ แต่ทำไมตัว Satoshi ถึงไม่ทำการขยับเงินที่มีอยู่เลย นั่นแหละคือคำถามที่น่าสนใจมาก ทำไมเขาไม่คิดเอาเงินนั้นมาใช้จ่ายบ้าง ป่านนี้บิตคอยน์ทั้งหมดที่เขามี อาจจะซื้อบ้านและรถใหม่ได้แล้วก็ได้

มีคนอยู่หลายคนที่ออกมาประกาศว่าเขาคือ Satoshi Nakamoto แต่ก่อนที่เราจะมาพูดถึงคนพวกนั้น เรามาพูดถึงหลักฐานข้อมูล และสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อพิสูจน์ตัวตนกันดีกว่า นิตยสาร WIRED ได้ออกมาถามคนในวงการคริปโตหลายคนว่าต้องการหลักฐานอะไรบ้างที่จะทำให้เชื่อถือได้ว่าคุณคือ Satoshi Nakamoto และเราก็ได้สรุปมาให้คุณแล้วว่ามีอะไรบ้าง

หลักฐานแรกที่คุณต้องใช้เลย มาจากคำพูดที่ John Hopkins เคยกล่าวไว้ว่า Show me the money เพราะถ้าหากคุณคือ ผู้คิดค้นที่แท้จริง คุณจะต้องสามารถเข้าไปในบัญชีแรก ๆ ของบิตคอยน์ที่ได้ขุดเอาไว้ซึ่งไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนตัวเลขเลยมาตลอด 7 ปี ถึงแม้ราคาจะพุ่งสูงขึ้นมากขนาดไหนก็ตาม รหัสที่จะสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเหล่านี้ได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น และคนๆนั้นก็คือ Satoshi Nakamoto ที่แท้จริง ถ้าหากคุณสามารถเข้าถึงและโยกย้ายคริปโตในนั้นไปยังบัญชีอื่นได้ ก็จะมีนักคริปโตอีกมากมายที่พร้อมจะเชื่อว่าคุณคือผู้สร้าง

อย่างไรก็ตามก็ยังมีนักคริปโตอีกหลายคน เช่น Jerry Brito ที่คิดว่าการเข้าไปในบัญชีนั้นยังไม่เพียงพอ แต่ต้องสามารถเข้าไปในบล็อกเชนตอนเริ่มต้นได้ทุกอัน รวมถึง Genesis block ด้วย ซึ่งคือหนึ่งในบล็อกเริ่มต้นของบิตคอยน์ที่สามารถมีการเปลี่ยนแปลงหรือถอนโอนได้ ซึ่งผู้สร้างต้องสามารถเข้าไปในบล็อกทั้งหมดที่มีความเกี่ยวข้องกับ Genesis block ได้และแสดงให้เห็นเป็นหลักฐานที่ชัดเจน

อีกอย่างหนึ่งที่คุณจะต้องมีคือ PGP key ที่อยู่กับมหาวิทยาลัยท็อปของสหรัฐอเมริกา หรือก็คือ MIT ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบล็อคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจุดเริ่มต้นของบิทคอยน์ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยากมากเพราะไม่เคยมีอะไรที่ถูกเซ็นโดยตรงกับอีเมล์ที่ลิงค์กับบัญชีไว้เลย

หากคุณคิดว่าเตรียมหลักฐานเหล่านี้ได้ครบแล้ว มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับ Gavin Anderson หนึ่งในคนจำนวนน้อยที่ได้ติดต่อกับ Satoshi Nakamoto ผ่านทางอีเมล์ก่อนที่เขาจะหายไปจากโลกออนไลน์ในปี 2011 เขาคนนี้ต้องการหลักฐานมากกว่าที่ได้กล่าวไว้ Gavin Anderson ต้องการแชทระหว่างตัวเขาและ Satoshi ที่คุยกันในอดีตผ่านทางอีเมล์เขาต้องการเห็นหลักฐานทั้งหมดที่ได้เคยคุยกันมา และยังต้องการติดต่อใหม่อีกครั้งเพื่อได้รับรู้ถึงวิธีการพูดคุยและคำที่ใช้ ลักษณะนิสัยของ Satoshi ที่เขาเคยคุยด้วยเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าคือคนเดียวกัน

สรุปได้ว่าการพิสูจน์ว่าคุณคือ Satoshi นั้นเป็นไปได้ยากมาก แต่เราก็จะคอยลุ้นกันว่าตัวจริงเสียงจริงจะออกมามั้ย เขาจะปรากฏตัวอย่างไรในยุคที่ผู้คนมากมายมหาศาลกำลังเทรดอยู่ในบิตคอยน์ที่เขาเป็นผู้สร้างสรรค์มันขึ้นมา