วางแผนภาษี ด้วย Final Tax
มันนี่ทิปส์ ฉบับนี้ ไม่ได้ชวนมาหาค่าลดหย่อนภาษีอะไรดี แต่จะทำให้คุณสามารถเสียภาษีในอัตราที่น้อยที่สุด
โดย...ศุภลักษณ์ เอกกิตติวงษ์
ใกล้ปลายปีแล้ว มาวางแผนภาษีกันดีกว่า ซึ่ง มันนี่ทิปส์ ฉบับนี้ ไม่ได้ชวนมาหาค่าลดหย่อนภาษีอะไรดี แต่จะทำให้คุณสามารถเสียภาษีในอัตราที่น้อยที่สุด แบบ Tax Minimization อย่างถูกต้องตามกฎหมายและโปร่งใส ไม่เป็นภัยแก่กรมสรรพากร ด้วย “Final Tax”
ดร.สาธิต ผ่องธัญญา ผู้อำนวยการอาวุโส Estate Planning & Family Office ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า Final Tax คือ การเสียภาษีระหว่างปีที่เสร็จสิ้นและจบลง ซึ่งหากเสียภาษีตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้แล้ว ก็ไม่ต้องนำรายได้ดังกล่าวไปรวมกับเงินได้เพื่อยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปลายปีอีก
กลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องเข้าใจตัวเองว่ามีเงินได้อะไรบ้าง และมีส่วนใดที่สามารถเสียภาษี Final Tax
การรวมรายได้ทุกประเภทที่ได้รับตลอดทั้งปีไปรวมกันยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีความเสี่ยงที่จะมีเงินได้เพิ่มจนเกินอัตราภาษีที่เคยจ่าย เพราะอัตราภาษีไทยเป็นอัตราก้าวหน้า ดังนั้น หากตัดภาระที่เสียภาษีระหว่างปีออกไป ทำให้ลดความยุ่งยากในส่วนนี้ได้
ยกตัวอย่าง หากคุณมีเงินเดือนและรายได้ต่อปีที่ปกติ เสียภาษีอยู่ในอัตรา 10% แต่มีรายได้จากการขายบ้าน หรือรายได้เงินปันผล หรือดอกเบี้ยเข้ามาระหว่างปี ทำให้เงินได้รวมหลังหักค่าใช้จ่ายเกิน 5 แสนบาท จะต้องเสียภาษีในอัตราถึง 15% แพงกว่าเดิม
Final Tax ส่วนนี้สำคัญมากสำหรับการวางแผนภาษี ที่หากรู้สิทธิประโยชน์ชัดเจนในส่วนนี้ อะไรที่ขอเสียภาษีได้เลยและถูกต้องแล้ว ไม่ต้องกังวลเลยว่าเงินได้ที่คำนวณฐานภาษีปลายปีจะเข้าข่ายเสียในอัตราใด จนต้องไปหากลยุทธ์ลดหย่อนภาษี ซึ่งเป็นปลายทางของการวางแผนภาษี
สำหรับ ประเภทของรายได้หรือเงินได้ที่เข้าข่าย Final Tax อาทิ
- เงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝาก เสียภาษีในอัตรา 15%
- เงินได้จากเงินปันผล เสียภาษีในอัตรา 10%
- ส่วนแบ่งกำไรกองทุนรวม เสียภาษีในอัตรา 10%
- การให้อสังหาริมทรัพย์จากบิดามารดาให้บุตรชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 5%
- เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มุ่งค้าหากำไร เสียภาษีในอัตราก้าวหน้า
- เงินได้ที่ได้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน เสียภาษีในอัตราก้าวหน้า
ตัวอย่างให้เห็นภาพเปรียบเทียบการเสียภาษีแบบ ภ.ง.ด. กับ Final Tax
กรณีดอกเบี้ยถ้าได้รับรายได้ดอกเบี้ย 100 ล้านบาท นำไปคำนวณภาษีปลายปี หักค่าใช้จ่ายได้ 0 บาท เพราะเงินได้ดอกเบี้ยเป็นเงินได้ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายตามประมวลรัษฎากร ถือว่าได้มาจากการลงทุนในตราสารธรรมดา หักค่าลดหย่อนคนโสด 6 หมื่นบาท เท่ากับมีเงินได้ 99 ล้านกว่าบาท ที่นำไปคำนวณภาษี ถูกเสียภาษีอัตราสูงสุด 35% หรือเท่ากับ 35 ล้านบาท
หากเสียภาษีแบบ Final Tax สำหรับเงินได้ดอกเบี้ย 100 ล้านบาท ถูกหักภาษีทันที 15% โดยอัตโนมัติ หรือ 15 ล้านบาท ถูกกว่ากันกว่าครึ่งหนึ่ง เป็นต้น
กรณีขายอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มุ่งค้ากำไร ถ้าคุณตัดสินใจขายบ้าน 1 ล้านบาท ในช่วงกลางปี เสียภาษี 2.5 หมื่นบาท ได้เงินสุทธิกว่า 9 แสนบาทกลับเข้าตัว ก็ไม่ต้องนำเงิน 1 ล้านบาท มารวมเป็นฐานเงินได้จนถูกเสียภาษีอัตราเพิ่มสูงขึ้น สามารถจบเรื่องเงินได้ดังกล่าวในกลางปีนั้นได้เลย
อัตราภาษีก้าวหน้าไม่น่ากลัว
บางคนอาจกลัวเรื่องอัตราภาษีก้าวหน้า แต่ไม่น่ากลัวเลย เพราะการเป็น Final Tax หมายถึงการเป็นอัตราภาษีที่ไม่ว่าเป็นภาษีในอัตรา Fix หรืออัตราก้าวหน้า ย่อมต้องถูกกว่าอัตราสูงสุด ทำให้เรายอมเสียภาษีไปเลยระหว่างปี เพราะคุ้มค่ากว่าและลดความยุ่งยากของชีวิต หาก Final Tax ภาษีอัตราก้าวหน้า ทำให้เราต้องเสียภาษีสูงกว่า ก็ไม่ควรเป็น Final Tax
ตัวอย่างการขายบ้านแบบไม่มุ่งหากำไรที่เสียภาษีในอัตราก้าวหน้า
หากต้องการขายบ้านถือครองมา 10 ปี ราคาประเมิน 1 ล้านบาท ไปหักค่าใช้จ่ายที่แย่ที่สุด 50% ทำให้มูลค่าที่นำไปเสียภาษีนั้นเหลือ 5 แสนบาท เท่านี้ก็ลดเงินได้ที่ต้องเสียภาษีไปแล้วครึ่งหนึ่ง … ทีนี้ หามูลค่าต่อปี ก็นำมูลค่า 5 แสนบาท ไปหาร 10 ปี เท่ากับความจริง คุณมีเงินได้ 5 หมื่นบาท/ปี เอาส่วนนี้ไปคำนวณภาษี
ถึงขั้นตอนการคำนวณภาษี ซึ่งกำหนดอัตราก้าวหน้าระบุว่า 3 แสนบาทแรก เสียภาษีในอัตรา 5%
ก็นำเอา 5 หมื่นบาท/ปี ไปคูณภาษี เท่ากับคุณต้องเสียภาษีจำนวน 2,500 บาท/ปี เมื่อคูณการถือครอง 10 ปี ก็เท่ากับเสียภาษีการขายบ้านครั้งนี้ 2.5 หมื่นบาทถ้วน จบปิดดีล
เมื่อคิดกลับไปที่เงินต้น 1 ล้านบาท เท่ากับภาษี 2.5% เท่านั้น ผู้เสียภาษีควรเลือกอย่างยิ่ง
ตัวอย่าง เงินได้ก้อนเดียวที่ได้รับเมื่อออกจากงานที่เสียภาษีในอัตราก้าวหน้า
ก่อนอื่นต้องรู้ว่า กรมสรรพากร ยกเว้นภาษีเงินที่ได้ชดเชยเมื่อออกจากงาน 3 แสนบาทแรก ส่วนที่เกินนำมาคำนวณภาษี
ยกตัวอย่าง ถ้าเงินเดือนก่อนออก 1 ล้านบาท/เดือน ได้เงินก้อน 20 เดือน เท่ากับ 20 ล้านบาท ช้าก่อน! เราไม่ได้เอา 20 ล้านบาท มาคูณอัตราก้าวหน้า ไม่งั้นคงแย่ เพราะเกิน 5 ล้านบาท ต้องเสีย 35%
*รัฐบาลเข้าใจตรงนี้ จึงออกสกีมในมาตรา 48(5) ตามประมวลรัษฎากร เมื่อไหร่ที่ได้เงินได้ครั้งเดียวเมื่อออกจากงาน
ให้หักค่าใช้จ่ายคือ 7,000 บาท คูณปีทำงาน สมมติ 20 ปี เท่ากับ 1.4 แสนบาท นำไปลบ 20 ล้านบาท สุทธิ 19 ล้านกว่าบาท จากนั้นให้หาร 2 เหลือเงินที่เสียภาษีจริงๆ 9 ล้านกว่าบาท แล้วค่อยคูณภาษีอัตราก้าวหน้า ไปเสียภาษีระหว่างปีเลย ไม่เช่นนั้นหากนำมารวมเงินเดือนที่ได้ก่อนออกจากงานในปีนั้นก็คงไม่ไหว ทำให้ Final Tax เป็นเครื่องมือในการช่วยลดภาระอย่างมาก
Final Tax ไม่ได้คุ้มเสมอไป ถ้า…
มีบางกรณีที่การเสียภาษีแบบ Final Tax ไม่คุ้มค่าเท่ากับการเสียภาษีเงินได้ตาม ภ.ง.ด. ดังเช่นกรณีนี้
ถ้าคุณไม่มีรายได้ระหว่างปีเลย และมีเงินเข้าจากดอกเบี้ยสัก 3 แสนบาทในปีนั้น หัก Final Tax 15% เสียทันที 4.5 หมื่นบาท
ทว่าหากนำส่วนนี้ไปคำนวณเงินได้บุคคลธรรมดาปลายปี ภ.ง.ด.90 หักค่าใช้จ่ายได้ 0 บาท (ดอกเบี้ยไม่มีหักค่าใช้จ่าย) หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 6 หมื่นบาท เหลือ 2.4 แสนบาท คำนวณภาษี โดยตาม ภ.ง.ด. กำหนดว่าเงินได้ 1.5 แสนบาทแรกได้รับยกเว้น และเมื่อเอา 9 หมื่นบาทส่วนที่เกินไปคำนวณภาษี 5% ก็เท่ากับยื่นแบบเสียภาษีเพียง 4,500 บาท
สรุป สามารถขอคืนภาษีได้ 40,500 บาทล
นี่คือตัวอย่างที่ดีของการศึกษาและวางแผนภาษี หากไม่รู้หลัก และยอมให้หักภาษี 4.5 หมื่นบาทไปเลย ก็ไม่ได้คืนภาษีตั้งกว่า 4 หมื่นบาท
ดร.สาธิต ชี้ให้เห็นว่า การวางแผนภาษีด้วย Final Tax มีประโยชน์มากมาย ฉะนั้น อยากให้มีวิธีคิดต้อง “แม่น” ส่วนนี้ให้มากก่อน แล้วค่อยไปหากลยุทธ์การลดหย่อนภาษีอีกที เพราะจะทำให้รู้ได้เลยว่า มี Final Tax ใดบ้างที่สลัดภาระออกไปเลย การวางแผนภาษีจึงต้องเลือกตั้งแต่เงินได้
ถามแทนผู้อ่าน (และตัวเอง) ว่า ถ้าคนทั่วไปที่ไม่รู้สูตรคำนวณแบบนักบัญชีเลย มีทริกใดที่พอจะวางแผน Final Tax ได้บ้างล่ะ?
ดร.สาธิต ยอมรับว่า แม้ในตำรากฎหมายก็ไม่สามารถบอกได้ถึงสูตรตายตัว 100% ว่าควรเลือกคำนวณภาษีจากเงินได้ไหนดี อย่างสูตรที่เขียนในหนังสือ หรือในตำราจากกูรูผู้เชี่ยวชาญนั้น ก็เป็นเพียงการ “คาดว่า” จะเป็นเช่นนั้น คาดว่าแบบหนึ่งจะดีกว่าแบบสอง
ก่อนอื่น! ต้องรู้ก่อนว่าตัวเองมีฐานภาษีเท่าไร และได้รับยกเว้นภาษีประเภทไหนบ้างและเท่าไร จากนั้นมาคิดว่าใช้กลยุทธ์ Final Tax แบบไหน
แนะนำหลักการง่ายๆ (Rule of Thumb) หากมีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีประจำปีในอัตราเท่ากับหรือสูงกว่าอัตรา Final Tax แล้วละก็ คุณเลือกเสีย Final Tax น่าจะดีกว่า
หรือให้แคบไปกว่านั้น ถ้าเป็นผู้เสียภาษีที่มีเงินได้สูงพอ เช่น เสียภาษีแตะ 20% แล้ว หรือ 1 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะยอมเสีย Final Tax แล้วจบ อาจจะพอเป็นคำแนะนำง่ายๆ ให้ผู้เสียภาษีทั่วไปได้ แต่ให้ดีที่สุดลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพราะอาจจะเข้ากับบางคนและไม่เข้ากับบางคน
เห็นภาพชัดเจนว่า ผู้มีเงินได้ทุกคนสามารถบริหารภาษีได้ สามารถเสียภาษีน้อยลงได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่ต้องใช้วิธีเลี่ยงภาษีแบบผิดๆ ต้องรู้ 3 เรื่อง
รู้ว่า...เงินได้เรามีอะไรบ้างที่ต้องเสียภาษี
รู้ว่า...เงินได้อะไรบ้างที่สามารถเสียภาษีได้เลยตั้งแต่เมื่อได้รับ โดยไม่ต้องรวมปลายปี
รู้ว่า...เงินได้ที่ได้รับยกเว้นมีอะไรบ้างที่ไม่ต้องรวมในแบบ
ก่อนที่จะไปหากลยุทธ์การลดหย่อน ซึ่งไม่รู้ว่าจะถูกกับเราหรือไม่ ลองเรียนรู้ที่จะจับปลา นำแนวคิดบริหารเงินได้และภาษีจาก Final Tax นี้มาปรับใช้เป็นของตัวเอง อาจทำให้เสียภาษีลดลงมากอย่างคาดไม่ถึง