posttoday

ETF ทางเลือกลงทุนสำหรับคนยุคใหม่ (2) พบกับ SMART Beta

26 กันยายน 2561

อีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่ถูกคนไทยมองข้ามแต่กลับให้ผลตอบแทนสูงเกินคาด

โดย...หมอนัท

สวัสดีครับ กลับมาพบกันกับผม หมอนัท อีกครั้งในคอลัมน์ Fund Clinic แห่งนี้เช่นเคยครับ ในครั้งที่แล้วที่ผมเองได้เล่าให้ฟังถึงกอง ETF ที่มีความสามารถหลากหลาย ทั้งสามารถลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Healthcare หรือ Technology หรือแม้แต่ Sub-Sector อย่าง Biotechnology หรือกลุ่มหุ้นที่ทำระบบ AI ก็มีให้เลือกลงทุน รวมถึงสินทรัพย์ทางเลือกที่มีความเสี่ยงต่ำไปถึงสูงอย่างพวกสินค้าโภคภัณท์ High Yield Bond และอสังหาริมทรัพย์ก็มีให้เลือกเช่นกันครับ

นอกจากนี้ ก็จะมีข้อได้เปรียบอื่นๆ ที่มากกว่ากองทุนปกติทั่วไป ที่สำคัญมีค่าธรรมเนียมต่ำ นักลงทุนสามารถใช้เก็งกำไรหรือจะถือยาวก็ได้ ล่าสุดบาง บลจ.ในต่างประเทศไปถึงขั้นไม่มีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการกอง ETF กันแล้ว

กอง ETF เองก็ยังมีสภาพคล่องสูง ทำการซื้อขายก็ทำได้เกือบจะ Real Time นอกจากนี้ก็ยังมี ETF ที่เป็น Reverse ที่เมื่อราคาสินทรัพย์วิ่งลง แต่กอง ETF นี้จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกแทนครับ หรือเมื่อราคาสินทรัพย์ปรับตัวขึ้น กอง ETF นี้ก็จะขาดทุนได้เช่นกันครับ

แต่ทว่าหลายๆ คนอาจจะไม่ชอบกอง ETF สักเท่าไร เนื่องจากว่าเป็นกองที่บริหารแบบ Passive คือผลตอบแทนมีการเคลื่อนไหวขึ้นลงเหมือนกับดัชนีที่ ETF ไปอ้างอิงไว้นั่นเองครับ ประมาณว่าไม่สามารถทำผลตอบแทนได้สูงกว่าคนอื่นๆ ทำให้นักลงทุนไทยส่วนใหญ่จึงจะไม่ค่อยให้ความนิยมกับกอง ETF

ETF ทางเลือกลงทุนสำหรับคนยุคใหม่ (2) พบกับ SMART Beta

แต่ในความเป็นจริงแล้ว กอง ETF นั้นก็มีการพัฒนาไปค่อนข้างมากครับ โดยที่กอง ETF นั้นเริ่มที่จะมีการนำดัชนีที่สร้างขึ้นมาจากแนวคิดที่เป็น Active Management ครับ เช่น สร้างดัชนีที่รวมเอาหุ้นที่มีอัตราส่วน D/E Ratio ต่ำๆ มารวมกัน หรือนำหุ้นที่มี ROE สูงๆ มารวมกัน เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในดัชนีธรรมดาครับ หรือมีแม้กระทั่งการทำ Equal Weight ของดัชนีตลาดหุ้น (ซื้อหุ้นทุกตัวในตลาดด้วยสัดส่วนที่เท่าๆ กันทุกตัว) เราเรียกรวมๆ กับกลุ่มของ ETF ที่มีความ Active มากขึ้นนี้อีกชื่อว่า Strategic Beta หรือ SMART Beta เอาเป็นว่าเป็นลูกครึ่ง Active กับ Passive ละกันครับ

จะเห็นได้จากกราฟว่า ผลตอบแทนที่ได้นั้นสูงกว่าดัชนีหุ้นธรรมดา โดยเฉพาะ SMART Beta ที่เป็น Equal Weight นั้นทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างดีและโดดเด่นมากครับ ซึ่งในตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ก็ได้ผลจากการทดลองทำแบบนี้ในลักษณะคล้ายๆ กันครับ

ดังนั้น หากนักลงทุนไม่ต้องการที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมในการบริหารกองแพง และอยากได้กองที่สร้างผลตอบแทนดีแล้วละก็ ถ้ามีโอกาสได้ลงทุนลองมองหา ETF ต่างประเทศที่เป็น SMART Beta แบบนี้ดูนะครับ ผมว่ามันน่าจะสร้างผลตอบแทนที่ถูกใจให้กับนักลงทุนก็ได้ครับ

ทุกวันนี้ผมเองก็ยังคงรอว่าเมื่อไหร่บ้านเราจะมีสินทรัพย์เพื่อการลงทุนแบบนี้ออกมาเยอะๆ จะได้ลงทุนได้อย่างงอกเงย และมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นเหมือนกับต่างประเทศเสียที

น่าเสียดายจริงๆ ครับ หน้ากระดาษหมดแล้ว ในครั้งหน้าเราจะมาคุยกันถึงเทคนิคในการซื้อกองทุนยอดฮิตปลายๆ ปี นั่นก็คือ LTF/RMF กันครับ (ในที่สุดก็ถึงฤดูลดหย่อนภาษีอีกแล้ว)

วันนี้ผมขอลาไปก่อน สวัสดีครับ