posttoday

หายนะหุ้นปี 2560 และบทเรียนที่เราต้องรู้

26 ธันวาคม 2560

โดย...อลงกฏ มโนรุ่งเรืองรัตน์ FINNOMENA Insight

โดย...อลงกฏ มโนรุ่งเรืองรัตน์ FINNOMENA Insight

ปี 2560 เป็นอีกปีที่ “ตลาดหุ้น” ได้ฝากบทเรียนไว้ให้กับนักลงทุนมากมาย เรามาดูกันว่าปีนี้มีอะไรที่เราเรียนรู้ได้บ้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น หุ้น IPO เป็นหุ้นที่ทำกำไรได้ตลอดหรือไม่? ทำไมหุ้นนางฟ้าจึงตกสวรรค์? การลงทุนที่ไม่เสี่ยงมีจริงหรือไม่? ทำไมหุ้นใหญ่โตช้าหุ้นเล็กโตเร็ว? ในปี 2560 นี้มีเหตุการณ์ที่ตอบคำถามเหล่านี้ได้ชัดเจน

บทเรียนที่หนึ่ง - หุ้น IPO ไม่ได้ดีเสมอไป หลายๆ คนคิดว่าการได้ซื้อหุ้น IPO นั้นเหมือนกับการได้กำไร “ชัวร์” เพราะในเมื่อได้ซื้อเป็นมือแรกก่อนจะเข้าตลาด ก็ควรจะได้กำไรแน่ๆ เป็นหลักหลายเท่า แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่หุ้น IPO ทุกตัวจะทำกำไรให้กับนักลงทุน นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ผมเขียนบทความนี้คือวันที่ 15 ธ.ค. 2560 มีหุ้นใหม่เข้าตลาดมาทั้งสิ้น 34 ตัว จนถึงปัจจุบันหากเราซื้อที่ราคา IPO และขายที่ราคาปิดวันแรกจะกำไรซะเป็นส่วนใหญ่ โดยมีขาดทุนแค่ 2 ตัว แต่ถ้าเราหลงคิดว่ามันดีจริงและถือมาจนถึงปัจจุบัน หุ้นที่ขาดทุนจะมีมากถึง 15 ตัว และขาดทุนมากที่สุดที่ 36% หุ้น IPO ไม่ได้ต่างอะไรกับหุ้นทั่วๆ ไป ถ้าราคาที่เราซื้อมามันแพงเกินไป สุดท้ายเราก็จะขาดทุน และมีหุ้น IPO ที่ขาดทุนมากถึง 15 ตัว ใน 34 ตัว หรือเกือบครึ่งหนึ่ง! นั่นหมายความว่าราคาที่บริษัทขาย IPO เข้ามานั้น กว่าครึ่งถือว่าเป็นราคาที่ไม่ถูกเลย (เพราะถ้าถูกก็คงไม่ขาดทุนจริงไหม?) ดังนั้นเป็นซื้อหุ้นมือแรกหรือไม่ ไม่เท่าเรารู้ว่าราคาหุ้นที่ขายนั้นเหมาะสมมากแค่ไหน

บทเรียนที่สอง - ฟองสบู่แห่งความคาดหวัง จงระวังเมื่อราคาหุ้นพุ่งแรงจนดูเหมือนจะเป็นฟองสบู่ เพราะมันก็จะเป็นฟองสบู่จริงๆ นั่นแหละ หุ้นหลายๆ ตัวในปีนี้พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง และรวดเร็ว ในความเป็นจริงการที่หุ้นจะวิ่งขึ้นมาได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับผลประกอบการหรือกำไรของบริษัทที่เติบโตขึ้นมาด้วย โอกาสที่กำไรของบริษัทต่างๆ จะเติบโตอย่างรวดเร็วได้นั้นมีจริงแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดังนั้นการที่หุ้นหลายๆ ตัวจะมีราคาหุ้นพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วนั้น ส่วนใหญ่แล้วจึงเป็นเรื่องของความคาดหวัง ไม่ใช่เรื่องของผลประกอบการ เมื่อคนในตลาดคาดหวังในตัวหุ้นตัวหนึ่งมากๆ และแห่กันเข้าไปซื้อพร้อมๆ กันก็จะช่วยผลักดันให้ราคาหุ้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น หลายๆ ครั้งผลประกอบการกลับไม่ได้เติบโตตาม หรือเกิดเหตุการณ์ที่ “ผิดคาด” และเมื่อความจริงปรากฏ ความหวังจึงกลายเป็นความ “ผิดหวัง” ทำให้ราคาหุ้นตกลงอย่างแรงได้เช่นกัน ในปี 2560 หุ้นลีสซิ่งตัวหนึ่งที่ตกหนักมากถึง 87% หุ้นตัวนี้เคยเป็นเหมือนหุ้นนางฟ้าที่ขึ้นหลายๆ เด้งมาก่อนหน้าที่จะตกลงอย่างหนัก นางฟ้ากลับกลายเป็นนางมาร

บทเรียนที่สาม - การลงทุนมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา และหายนะนั้นใกล้ตัวกว่าที่คิด ยามหุ้นขึ้นอะไรๆ ก็ดูดีและสวยหรูไปหมด หุ้นหลายๆ ตัวมี “เซียน” วิเคราะห์ว่าดีแบบนั้น แกร่งแบบนี้ หลายๆ ครั้งวิเคราะห์มโนกันไปไกลถึง 10 กว่าปี โดยลืมไปว่าในความเป็นจริงนั้น แค่วันพรุ่งนี้เราก็ไม่รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง การจะบอกว่าจะโตแบบนั้นแบบนี้ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า มักจะเต็มไปด้วยความเสี่ยงมากมายที่ถูกบดบังด้วยอคติและความฝันอันสวยหรูของนักลงทุน การลงทุนที่ดีนั้นจะเกิดขึ้นได้จากการมองและวิเคราะห์หุ้นอย่างเป็นกลาง เจาะลึกความแข็งแกร่งและข้อดีแล้ว ก็อย่าลืมวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างละเอียดด้วยหัวใจที่เป็นกลางและอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงด้วย เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าเราจะกำไรมากแค่ไหน ถ้าไม่รู้จักควบคุมความเสี่ยงให้ดี เราจะต้องเจ็บหนักเข้าสักวัน

บทเรียนที่สี่ - หุ้นใหญ่ขึ้นช้าหุ้นเล็กโตเร็ว แนวคิดนี้มาจากหลักคิดที่ว่าหุ้นเล็กซึ่งก็คือบริษัทเล็กๆ นั่นเอง มักจะสามารถเติบโตได้ดีกว่าบริษัทที่ขนาดใหญ่แล้ว บริษัทอย่าง PTT SCC หรือ ADVANC เป็นบริษัทที่ใหญ่คับประเทศจนไม่รู้จะโตไปทางไหนย่อมดูน่าเบื่อกว่าบริษัทขนาดเล็กที่โตอย่างรวดเร็ว ทฤษฎีนี้มีความถูกต้องอยู่ไม่น้อย แต่ก็อย่าลืมว่า Growth หรือการเติบโตนั้นเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งสำหรับการเติบโตของหุ้นเท่านั้น ราคาหุ้นยังมีปัจจัยอื่นๆ มากระทบอีกมากมาย เช่น ราคาสินค้าที่ขึ้นลงส่งผลถึงกำไรที่ขึ้นลง จำนวนเงินปันผล การซื้อ-ขายของเงินลงทุนจากต่างประเทศ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “ฝรั่ง” นั่นเอง

การขึ้นของหุ้นใหญ่ในช่วงหลังของปี 2560 นั้น มาจากการไล่ซื้อของเงินลงทุนต่างประเทศซะเป็นส่วนใหญ่ เหตุผลหนึ่งก็คือหุ้นไทยนั้นยังถือว่าถูกอยู่เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นในประเทศอื่นๆ นอกจากนั้นประเทศไทยยังมีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหลังจากที่ยํ่าแย่มานานหลายปีและรัฐบาลมีการประกาศช่วงเวลาการเลือกตั้งที่แน่นอน จะเห็นว่าการขึ้นครั้งนี้อาจไม่ได้มาจากการเติบโตของกำไรแบบ 30-40% อย่างหุ้นเล็ก แต่ก็ทำให้ราคาหุ้นขึ้นมาได้มากเช่นกัน ดังนั้นถ้าจะลงทุนก็ควรจะมองให้ออกว่าปัจจัยอะไรจะเป็นตัวขับเคลื่อนราคาหุ้นเป็นหลัก จะหุ้นใหญ่หรือหุ้นเล็กถ้าเราจับประเด็นได้ถูกต้อง ก็สามารถลงทุนประสบความสำเร็จได้ทั้งหมด

ไม่ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีหรือไม่ จงจำไว้ว่าความเปลี่ยนแปลงผันผวนจะยังคงมีต่อไป และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการเปลี่ยนแปลงไปของเทคโนโลยีและพัฒนาการด้านต่างๆ ที่เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น ในฐานะของนักลงทุนก็ต้องปรับตัวและคอยเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา คิดให้รอบด้าน จับประเด็นให้ถูก อย่ากลัวความเปลี่ยนแปลง เพราะแม้ความเปลี่ยนแปลงจะนำวิกฤตหรือหายนะมาในหลายๆ ครั้ง แต่ถ้าเราเข้าใจมันดีพอ เรามักจะสามารถหาโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตเราได้เสมอๆ ในทุกสถานการณ์

ปี 2560 กำลังจะจบลง ปีใหม่กำลังจะเข้ามาพร้อมกับโอกาสใหม่ๆ สำหรับใครก็ตามที่เปิดตาและเปิดใจให้กว้างก็จะมองเห็น อะไรที่พลาดแล้วก็พลาดไปให้เป็นบทเรียนที่จะพัฒนาตัวของเราไปเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า ปีใหม่นี้ขอให้ทุกๆ คนเจอโอกาสใหม่ๆ และประสบความสำเร็จในการลงทุนปี 2561 ที่จะเข้ามา พักผ่อนให้เต็มที่แล้วปีใหม่เรามาลุยไปด้วยกัน สุขสันต์วันปีใหม่ครับ