จัดพอร์ต ต.ค. 60 Prepare for Hawkish
โดย...FINNOMENA
เข้าสู่ต้นเดือน ต.ค. 2017 ในช่วงที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นสัญญาณการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
หลัง เจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด แถลงถึงมุมมองที่จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้อัตราเงินเฟ้อยังมีความไม่แน่นอน
ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะภูมิภาค Asia ex Japan และ Emerging Market ซึ่งสอดคล้องกับมุมมอง The Year of Change ของ INFINITI
สำหรับประเด็นสำคัญของเดือนนี้เริ่มต้นกันด้วยสัญญาณการใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวของเฟด
แม้จะมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐที่ 1-1.25% เท่าเดิม แต่มีการเริ่มใช้นโยบายการปรับลดขนาดงบดุลของเฟดในเดือน ต.ค.นี้แล้ว
ทั้งยังเปิดเผยว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ภายในปลายปีนี้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี เริ่มปรับตัวขึ้น
และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มกลับมาแข็งค่า กดดันราคาทองคำและหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และเอเชีย
กลับมาที่ฝั่งประเทศไทย ตัวเลขเศรษฐกิจไทยโดยส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ ธปท.และ สศค.มีการปรับคาดการณ์จีดีพีไทยในปีนี้เป็นโต 3.8%
มากไปกว่านั้น ครม.ได้มีมติเห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ.โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อส่งเสริมการลงทุน
อีกทั้งปัญหาทางการเมืองไทยที่คลี่คลายลง ทำให้เรามองว่าหุ้นไทยยังน่าลงทุนต่อในระยะกลาง
มาดูกันที่ฝั่งเศรษฐกิจ สหรัฐยังคงฟื้นตัว พร้อมดัชนีหุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่ เนื่องจากทรัมป์ได้ประกาศแผนการปฏิรูปนโยบายทางภาษี เช่น การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 20% จาก 35%
อย่างไรก็ตาม เรายังคงหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นสหรัฐ เนื่องจาก Valuation ที่แพงเมื่อเทียบกับการเติบโตและมีความเสี่ยงจากปัจจัยการเมืองภายในทำเนียบขาว รวมถึงข้อพิพาทกับเกาหลีเหนือ
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจีนโดยภาพรวมยังเติบโตได้ดี แม้จะมีข่าวการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาว โดย S&P Global Ratings จากระดับ AA- สู่ระดับ A+
เรายังมีมุมมองเชิงบวก เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกจากรัฐบาลจีนในการเพิ่มเสถียรภาพในระบบเศรษฐกิจผ่านการปฏิรูปด้านการเงิน
นอกจากนี้ระดับ Corporate Debt to GDP ของจีนก็เริ่มมีการปรับลดลงในไตรมาส 2 ปี 2017 นี้อีกด้วย ทำให้เรายังคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีนต่อเนื่องจากโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
แนะนำให้จับตาการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่น่าจะมีการแถลงนโยบายประเทศที่สำคัญ
ในส่วนของอินเดีย ตลาดหุ้นเริ่มมีการปรับฐานหลังจากปรับตัวขึ้นมาเยอะและมี Valuation ที่แพง
ขณะที่หุ้นญี่ปุ่นเริ่มมีการฟื้นตัวจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวได้ดีและข่าวการประกาศยุบสภาของนายกฯ อาเบะ แต่ยังมีความเสี่ยงด้านค่าเงินจากข่าวเกาหลีเหนือที่อาจเข้ามากดดันได้ทุกเมื่อ
เรายังคงแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนทั้งสองตลาดจากความเสี่ยงที่ได้กล่าวไปข้างต้น
ในเดือนนี้เราแนะนำให้เริ่มกลับมาลงทุนในหุ้นยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวได้ดี Valuation ยังน่าสนใจ และตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นทะลุภาพขาลง ตั้งแต่เดือน พ.ค.ขึ้นมาเป็นแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ได้สำเร็จ
รวมทั้งพรรคของนายกฯ เยอรมนียังคงครองเสียงข้างมากจากผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ทำให้ความเสี่ยงทางการเมืองเริ่มลดลง
ด้านทองคำกลับมาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์อีกครั้ง พร้อมค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ากดดัน โดยเรายังเห็นความเสี่ยงจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ของคาบสมุทรเกาหลี การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ และเสถียรภาพในรัฐบาลสหรัฐ
เราจึงยังแนะนำลงทุนในทองคำ 10% เพื่อการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ต
ในเดือน ก.ย.นี้ เรามองเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของตลาดหุ้นยุโรป จึงได้แนะนำให้ขายทำกำไรหุ้นไทยส่วนหนึ่งเพื่อเข้าลงทุนในหุ้นยุโรป
เรายังคงเชื่อว่าปี 2017 น่าจะยังเป็นปีที่ดีต่อพอร์ตการลงทุน Global Absolute Return
หากท่านสนใจรับคำ แนะนำลงทุน NTER GAR สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิได้ที่ http://bit.ly/posttoday-nter เพื่อรับบริการพิเศษจาก FINNOMENA ได้นะครับ