posttoday

US Dollar กลับมาโภคภัณฑ์ก็เตรียมลา

08 พฤษภาคม 2560

โดย...ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย

โดย...ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) รอบวันที่ 2-3 พ.ค. 2560 จบไปเรียบร้อย โดยเนื้อหาการประชุมมีสาระสำคัญดังนี้

1.ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.75-1% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดหมาย

2.เฟดมองตลาดแรงงานยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว อัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้เป้าหมาย 2%

3.เฟดมองการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปี 2560 เป็นเพียงสภาวะชั่วคราวที่เกิดการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซบเซา ซึ่งเป็นสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี

4.เฟดยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้นในช่วงต่อไป สนับสนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้

5.เฟดยังคงนโยบายการลงทุนซ้ำ MBS และพันธบัตรรัฐบาลที่หมดอายุ (รักษาระดับงบดุลไว้ที่เดิม 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ)

หลังจบการประชุมตลาดค่อนข้างมั่นใจว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. 2560 ความน่าจะเป็นจาก Fed Fund Futures ปรับพุ่งขึ้นเป็น 90% (จากเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 67.1%) ทั้งนี้ในการประชุมในเดือนหน้าเป็นสิ่งที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก เพราะจะมีการเปิดการคาดการณ์ดอกเบี้ยของกรรมการเฟด (Dot Plot) ซึ่งหากยังคงคาดการณ์ดอกเบี้ยในปีนี้ไว้ที่ 1.375% เท่ากับว่าเฟดกำลังส่งสัญญาณในการขึ้นดอกเบี้ยช่วงครึ่งปีหลังอีกเพียง 1 ครั้ง (ขึ้น 2 ครั้งในครึ่งปีแรก มี.ค. และ มิ.ย.) หลังจากที่เฟดมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นในเดือน มิ.ย.

KS Research ประเมินความเป็นไปได้อยู่ 2 กรณี คือ 1) เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือน ก.ย. 2560 และเว้นระยะไปจนถึงสิ้นปี โดยในเดือน ธ.ค. เฟดน่าจะหันไปพูดถึงการลดขนาดงบดุลมากขึ้น หรือ 2) เฟดเว้นระยะการขึ้นดอกเบี้ยข้าม ก.ค. และ ก.ย. เพื่อรอดูว่าแผนการลดภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผ่านสภาคองเกรสได้หรือไม่ (คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาในช่วง ส.ค. 2560) ก่อนที่จะไปตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมต้น พ.ย. หรือไม่ก็ ธ.ค.

US Dollar เริ่มถูกซื้อคืนขึ้นมาตามที่คาดหมาย ด้วยความมั่นใจของตลาดต่อทิศทางดอกเบี้ย การคลายความกังวลต่อความตึงเครียดด้านภูมิศาสตร์สหรัฐ ซีเรีย และเกาหลีเหนือ ปัญหาเรื่องเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐ และเสถียรภาพการเมืองของยุโรปที่ดีขึ้น ขณะที่สัญญาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ (KS Research คงคาดการณ์อัตราเติบโตเศรษฐกิจไตรมาสแรกปี 2560 ไว้ที่ 3.1%) ทั้งหมดจะเป็นผลทำให้บาทมีโอกาสพลิกกลับไปอ่อนค่าต่อเนื่อง บีบให้ภาพของเงินไหลออกชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย (SET) ตลอดเดือน พ.ค. 2560

แรงกดดันจากการแข็งค่าของ US Dollar ดึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับฐานลงอย่างต่อเนื่อง ทองคำปรับร่วงอีก 0.68% (ลงหนัก 2 วัน 2.31%) สู่ 1,228 เหรียญสหรัฐ/ทรอยออนซ์ โลหะเงินลง 1.52% สู่ 16.24 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และราคาทองแดงร่วงหนัก 2 วันติดต่อกัน 4.94% สู่ 5,600 เหรียญสหรัฐ/ตัน

คาดว่าการรายงานตัวเลขจ้างงาน ทั้งการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน เม.ย. 2560 (ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9 แสนตำแหน่ง) ตัวเลขการว่างงาน (ตลาดคาดไว้ที่ 4.6%) มองว่ามีความเป็นไปได้ว่าตัวเลขจะออกมาดีกว่าของเดือน มี.ค. 2560 เนื่องจากในเดือนดังกล่าวสหรัฐต้องเผชิญกับพายุในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสำรวจ และทำให้ตัวเลขออกมาค่อนข้างต่ำ

ตลาดน่าจะตอบรับเชิงบวกต่อตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และทำให้ US Dollar แข็งค่าต่อเนื่อง กลายเป็นปัจจัยลบที่จะทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ปรับฐานกันต่อ มองว่าการปรับลงของราคาทองแดงเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE)

นอกจากนั้นยังได้เรื่องการอ่อนค่าของเงินบาทเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวก ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิไตรมาสแรก ปี 2560 ที่ 770 ล้านบาท บวก 2.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และบวก 11.6% จากไตรมาส 4 ปี 2560 จาก 1) กำไรการผลิตโรงงานพระนครศรีอยุธยาเพิ่มขึ้น 2 แสนตารางฟุต/เดือน ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2560

2) อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากโรงงานลาดกระบัง 3) ผ่านช่วงโลว์ซีซั่นและจุดต่ำสุดของกำไรในไตรมาส 4 ปี 2559 ไปแล้ว 4) คาดยอดขายประเภท Consignment Sales ราว 250-300 ล้านบาท จะเลื่อนการรับรู้มาบันทึกในไตรมาสแรก ปี 2560 นี้ คงคำแนะนำซื้อที่มูลค่าพื้นฐาน 132 บาท

ภาพ:เอเอฟพี