posttoday

จัดเงินในกระเป๋าง่ายๆ โดยใช้หลัก ‘เงิน 3 ก้อน’ (1)

01 พฤษภาคม 2560

ปัจจุบันคนไทยหันมาใส่ใจเรื่องการจัดการเงินๆ ทองๆ มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อมูลข่าวสารที่เข้าถึงได้ง่ายในโลกโซเชียล

โดย...เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP® กองทุนบัวหลวง

ปัจจุบันคนไทยหันมาใส่ใจเรื่องการจัดการเงินๆ ทองๆ มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อมูลข่าวสารที่เข้าถึงได้ง่ายในโลกโซเชียล การรับรู้และกระแสในวงกว้างทำให้เกิดคำถามตามมา เพราะส่วนใหญ่รู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องจำเป็น แต่ก็หยุดอยู่แค่นั้น ยังไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไรจึงจะถูกต้อง ในเรื่องของ ฮาว ทู?

การใช้ที่ปรึกษาการเงิน หรือให้ผู้รู้ช่วยจัดให้ เป็นทางเลือกที่คนส่วนใหญ่นึกถึง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าถึงนักวางแผนการเงินได้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากยังไม่ได้เริ่มต้น

หลักการ “เงิน 3 ก้อน” เป็นการจัดการเงินขั้นพื้นฐาน เป็นคำแนะนำง่ายๆ ที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้ด้วยตนเอง ช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถตั้งหลักได้ แยกเงินเป็น ช่วยให้เริ่มต้นเก็บออมและลงทุนได้อย่างถูกต้อง และไม่สับสนเมื่อถึงเวลาใช้จ่าย ตามเป้าหมายที่วางไว้

“เงิน 3 ก้อน” เริ่มต้นด้วยการจัดการเงินกำหนดเป้าหมายใหญ่ของเงินในกระเป๋า รวมถึงเงินรายได้ที่จะได้รับ โดยให้จัดเงินเป็น 3 ก้อน ได้แก่

1) เงินใช้จ่ายประจำ

2) เงินสำรองยามฉุกเฉิน และ

3) เงินลงทุนตามเป้าหมาย

ก้อนที่ 1 เงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รายเดือน รวมถึงเงินผ่อนจ่ายต่างๆ และเงินที่จะต้องจ่ายออกใน 3 เดือน เงินก้อนนี้ต้องการสภาพคล่องสูง ถอนได้เมื่อต้องการ ไม่ขาดทุน ห้ามนำไปเสี่ยง เน้นความปลอดภัยสูง

การเก็บที่เหมาะสมสำหรับเงินก้อนที่ 1 คือ การฝากไว้ที่บัญชีออมทรัพย์ ที่ไม่ติดเงื่อนไขการถอน (ไม่ใช่บัญชีออมทรัพย์ประเภทที่กำหนดให้ถอนได้เพียง 1-2 ต่อเดือน) สำหรับเงินที่ต้องจ่าย แต่ไม่รีบจ่ายใน 1 เดือน อาจจะเก็บไว้ในกองทุนตราสารหนี้ที่ใช้บริหารสภาพคล่อง หรือกองทุนรวมตลาดเงิน (MoneyMarket Fund) เมื่อขายคืนจะได้เงินภายใน 1 วันทำการ แนะนำว่าควรมีบริการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต หรือผ่านระบบมือถือ จะสะดวกขึ้นมาก

กองทุนบริหารสภาพคล่อง หรือกองทุนรวมตลาดเงิน แม้ผลตอบแทนจะไม่มาก แต่โดยรวมก็ยังดีกว่าการปล่อยเงินไว้ในออมทรัพย์เฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไร และประโยชน์อีกอย่าง คือ การเก็บเงินไว้ออมทรัพย์แค่พอใช้จ่ายแต่ละเดือน คือจะช่วยคุมการใช้เงินได้ด้วย

ก้อนที่ 2 เงินสำรองยามฉุกเฉิน เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ละเลย ไม่ให้ความสำคัญ ทั้งที่มีความจำเป็นอย่างมากในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลักคิดของเงินก้อนนี้ คือ วันใดที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ทำงานไม่ได้หรือรายได้ไม่เข้ามา ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในรูปแบบเดิมๆ หรือใกล้เคียงเดิม ได้ไปอีกอย่างน้อย 4-6 เดือน ดังนั้นเงินก้อนนี้ควรมีไว้อย่างน้อยเท่ากับ 4-6เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือนทั้งรายจ่ายประจำ และการผ่อนชำระต่างๆ

เงินส่วนนี้ควรแยกออกจากเงินใช้กรณีเจ็บป่วยให้ชัดเจน เพราะเป้าหมายคือสำรองเพื่อการดำรงชีพในสภาวะที่ขาดรายได้ ไม่ใช่กรณีเจ็บป่วย ซึ่งในวันที่เกิดเหตุไม่คาดคิด จะได้ไม่เดือดร้อน ไม่ลนลาน เพราะยังสามารถอยู่ได้ ไม่ต้องถูกสถานการณ์บีบคั้นให้เร่งหารายได้ จนทำให้ตัดสินใจในสิ่งที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับอนาคต