ย้อนประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของกลุ่มบี.กริม

สู่โอกาสแห่งการลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคตไปกับ บี.กริม เพาเวอร์ เป็นผู้นำธุรกิจพลังงานไฟฟ้าอุตสาหกรรม

หากจะกล่าวถึงผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานหลักต่างๆ ของประเทศไทย คงไม่มีใครปฏิเสธ กลุ่ม บี.กริม ได้ ซึ่งปัจจุบันมี "บี.กริม เพาเวอร์" มาเป็น Flagship Business ใหม่ ในการสร้างความเติบโตทางธุรกิจสำหรับนักลงทุนอีกขั้นด้วยธุรกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอุตสาหกรรม รายใหญ่ของประเทศไทย พร้อมยุทธศาสตร์การเติบโตอย่างชัดเจนสู่การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมและพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ย้อนกลับไปเมื่อ 139 ปีที่แล้ว ประเทศไทยได้ต้อนรับตระกูลนักธุรกิจชาวเยอรมันที่เข้ามาก่อตั้งกลุ่ม บี.กริม ในปี 2421 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพจากโลกตะวันตกเข้ามายกระดับชีวิต ความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเป็นผู้ริเริ่มและเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยมายาวนาน เช่น การติดตั้งระบบโทรศัพท์ระหว่างประเทศไทยและประเทศเยอรมัน เป็นผู้จัดหาสินค้าและเครื่องจักรของรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) รถไฟฟ้ามหานคร (MRT) และยังเป็นผู้นำของกิจการการค้าร่วมในการก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) พร้อมทั้ง ขยายการลงทุนไปในอุตสาหกรรมธุรกิจพลังงาน ธุรกิจระบบภายในอาคารและอุตสาหกรรม ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ ธุรกิจไลฟ์สไตล์ ธุรกิจคมนาคม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจเทคโนโลยีและดิจิตอล โดยทำทุกธุรกิจภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าและความก้าวหน้าให้กับประเทศไทย และสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจและสังคม เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

บี. กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2536 เพื่อดำเนินธุรกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่มีคุณภาพเพื่อป้อนให้ภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมต้องการไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพสูงเป็นพิเศษในการเดินระบบการผลิตต่าง ๆ ให้ไม่ติดขัด

ด้วยแนวคิดเดียวกับ กลุ่มบี.กริม ในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีคุณภาพระดับโลกมาใช้ในการผลิต ผนวกกับการมีพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาเป็นระยะเวลายาวนาน บวกกับประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพของผู้บริหาร ทำให้วันนี้ บี. กริม เพาเวอร์ สามารถขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 43 โครงการ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 28 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,626 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้ง 350 ตันต่อชั่วโมง มีโรงไฟฟ้าที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างรวม 5 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 419.1 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้ง 90 ตันต่อชั่วโมง และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 10 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 338.5 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้ง 60 ตันต่อชั่วโมง

สำหรับก้าวต่อไป บี.กริม เพาเวอร์ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด โดยต่อยอดการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เพื่อสร้างความยั่งยืนทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปพร้อมกับการดำเนินธุรกิจ และเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามวิสัยทัศน์ 'การสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี'

ดังนั้นเร็ว ๆ นี้ บี.กริม เพาเวอร์ จะทำการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยจุดประสงค์ของการระดมทุนก็คือเงินทุนสำหรับลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างทั้งหมด 5 โครงการ ซึ่งได้แก่ ABPR3 ABPR4 ABPR5 โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซน้ำน้อย 2 และ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกะตำ 1 และเป็นเงินทุนสำหรับลงทุนในโครงการที่ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและอยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการในอนาคต

โดยหาก บี.กริม เพาเวอร์ ประกาศเดินหน้าขายหุ้น IPO อย่างเป็นทางการ ก็นับว่ามีข้อได้เปรียบและความแข็งแกร่งทางธุรกิจหลายประการ เริ่มจากภาพรวมด้านการเงิน บี.กริม เพาเวอร์ ที่นับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความมั่นคงทางรายได้สูง จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับลูกค้า ได้แก่ กฟผ. (อายุสัญญา 21 ถึง 25 ปี) กฟภ. (อายุสัญญา 25 ปี) EDL (อายุสัญญา 25 ปี) และลูกค้าอุตสาหกรรมกว่า 300 ราย ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศไทยและเวียดนาม ทั้งนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ สวนอุตสาหกรรมบางกะดี นิคมอุตสาหกรรมเหมราช นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เบียนหัว

จากข้อมูลข้างตนจะเห็นได้ว่า บี.กริม เพาเวอร์ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ด้วยระบบจัดจำหน่ายไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเพียงพอ เช่น บริการติดตั้งสายส่งกระแสไฟฟ้า และท่อเชื่อมโยงลำเลียงไอน้ำ โดยตรงไปยังโรงงานของลูกค้าแต่ละราย เพื่อประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตของลูกค้า อีกทั้งยังมีกระบวนการควบคุมการส่งไฟฟ้าระดับสากล ด้วยระบบส่วนกลางเพื่อดูแลการจ่ายกระแสไฟฟ้าสู่ฐานการผลิตของลูกค้าอุตสาหกรรมตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การดูแลลูกค้าแต่ละรายเป็นไปอย่างมืออาชีพและสามารถป้องกันหรือจัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ยังเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 ดำเนินงานโดยคณะผู้บริหารและทีมงานที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์คุณภาพมาตรฐานระดับโลก โดยบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าเอกชนไม่กี่รายในประเทศไทยที่มีทีมงานบำรุงรักษาซึ่งมีความสามารถในการดำเนินงานซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ (Major Overhauls) ได้เอง ทั้งนี้โครงการโรงไฟฟ้า ABPR1 และโครงการโรงไฟฟ้า ABPR2 ของบริษัท ได้รับรางวัล "POWER-GEN Asia Project of the Year" ในประเภทของ "The Best Distributed Generation Project" สำหรับโครงการ SPP ซึ่งเป็นการยืนยันความสามารถในการบริหารจัดการโครงการโรงไฟฟ้าของ บี.กริม เพาเวอร์ ได้เป็นอย่างดี

ด้วยการบริหารจัดการมาตรฐานสากลเช่นนี้ บี.กริม เพาเวอร์ จึงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเดินหน้าธุรกิจเพื่อผลักดันภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยและตอบสนองต่อความต้องการการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้ จากการเติบโตของธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากกำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงจากโครงการโรงไฟฟ้าที่กำลังพัฒนาและก่อสร้าง ทั้งโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน

ด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด "บี.กริม เพาเวอร์" พร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำหรับนักลงทุน ในการร่วมลงทุนและเดินหน้าไปพร้อม ๆกับธุรกิจด้านพลังงานที่มีศักยภาพในการเติบโต ไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมให้คงอยู่ด้วยความรับผิดชอบ และก้าวสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

สามารถดูข้อมูลของธุรกิจกลุ่ม บี.กริม ได้ที่ www.bgrimmpower.com