posttoday

ทิศทางดาวโจนส์ 120 ปี

17 เมษายน 2560

Chris Kacher แห่ง MoKa Investors ได้เผยแพร่เส้นกราฟของดัชนีดาวโจนส์ เพื่อให้เห็นความเคลื่อนไหว

โดย...ทนง ขันทอง

Chris Kacher แห่ง MoKa Investors ได้เผยแพร่เส้นกราฟของดัชนีดาวโจนส์ เพื่อให้เห็นความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นนิวยอร์กระหว่าง ค.ศ. 1896 ถึง ค.ศ. 2016 หรือ 120 ปีพอดี

เป็นที่ชัดเจนว่าดาวโจนส์ขึ้นสูงแล้วตกต่ำไปตามวงจรเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนั้นแล้ว กราฟดาวโจนส์ยังกลายเป็นพงศาวดารสะท้อนปฏิกิริยาของนักลงทุนต่อเหตุการณ์สำคัญของโลก

Kacher ให้ภาพกราฟดาวโจนส์ว่า เป็นบทพิสูจน์ตลาดในระยะยาว เนื่องจากตลาดหุ้นจะพุ่งสูงขึ้นเสมอ เนื่องจากความเฉลียวฉลาด ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และนวัตกรรมต่างๆ จะมีชัยเหนือความหวั่นกลัวที่เกิดขึ้นอยู่เสมอๆ ในด้านการลงทุน ขณะเดียวกัน กราฟดาวโจนส์ยังตอกย้ำคาถาที่เป็นพื้นฐานการลงทุนว่า นักลงทุนในตลาดจำต้องเคลื่อนไหวรวดเร็วและชาญฉลาด ในช่วงขณะของความไม่แน่นอน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี

Kacher บอกว่า นักลงทุนต้องเคลื่อนไหวไปกับสภาวะตลาด และต้องไม่ยึดติดกับหุ้นที่ถือครองจนเกินไปนัก “ไม่มีแผนการอันใดที่จะทำให้รวยเร็ว ไม่มีกล่องดำที่เราแค่กดปุ่ม แล้วปล่อยให้มันเดินไปเองอย่างไม่มีกำหนดการลงทุนนั้นท้าทายมากกว่าผ่าตัดสมองเสียอีก” Kacher กล่าวกับ MarketWatch.com

ตั้งแต่ก่อตั้งตลาดมา ดัชนีดาวโจนส์ขึ้นไปแล้วกว่า 50,000% และช่วงเดียวกัน เศรษฐกิจของสหรัฐเติบโต 118,583% แต่ดัชนีดาวโจนส์มิได้สูงขึ้นทิศทางเดียวอย่างราบเรียบ ก่อนที่ดัชนีหุ้นจะพุ่งทะยานไปแตะระดับ 20,000 ในปี 2017 ตลาดอยู่ในภาวะที่เจ็บปวดมาเป็นเวลานาน โดยทั้งตกต่ำ หรือไม่ก็เคลื่อนตัวไปแบบข้างๆ คูๆ (Sideways)

จากกราฟจะเห็นว่า ต้องใช้เวลา 25 ปี กว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวจากภาวะแคลชในปี 1929 และต้องใช้เวลา 16 ปี กว่าหุ้นจะดีดกลับ หลังโดนผลกระทบของสงครามเวียดนาม วิกฤตน้ำมันปี 1973 และประธานาธิบดีนิกสันลาออกจากตำแหน่ง

Kacher บอกว่า ในเวลานี้เป็นตัวอย่างที่ดี นักลงทุนต้องเอาตัวเองออกห่างจากอารมณ์ และยืนอย่างมั่นคงบนขาของตัวเอง

หลังจากตลาดหุ้นพุ่งสูงขึ้น 109 วันทำการ โดยไม่มีวันใดตกต่ำกว่า 1%แต่ในวันที่ 21 มี.ค. ดัชนีดาวโจนส์ตก 1.1% เพราะเริ่มไม่มั่นใจว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะลากกฎหมายประกันสุขภาพของตัวเองผ่านสภาคองเกรสได้ ซึ่งจะต้องกระทบต่อแผนลดภาษีของเขาต่อไป

Kacher บอกว่า ตลาดจะดูอ่อนไหวต่อแรงขาย เมื่อดูปัจจัยทางเทคนิค เพราะว่ามีการขายหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่า การปรับตัวลงของตลาดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าผลกระทบของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในรูปของคิวอี (Quantitative Easing) ของธนาคารกลางสหรัฐยังคงอยู่ “ตอนนี้เรากำลังอยู่ในจุดพลิกผันของตลาด และยังไม่มั่นใจว่าตลาดกำลังจะไปทิศทางไหน” เขากล่าว

ด้วยเหตุนี้นักลงทุนจำต้องเตรียมพร้อมเพื่อปรับยุทธศาสตร์การลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์รอบตัว

กราฟแสดงความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นดาวโจนส์ในระยะ 120 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าตลาดจะฟื้นตัวเสมอ แต่ประเด็นสำคัญก็คือเมื่อถึงเวลาตกต่ำแล้วตลาดต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะฟื้นตัว