posttoday

ทิสโก้แนะถือเงินสดลดเสี่ยง

11 มีนาคม 2560

คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย มี.ค.ทยอยลงทุนหุ้นญี่ปุ่นรับอานิสงส์ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า

คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย มี.ค.ทยอยลงทุนหุ้นญี่ปุ่นรับอานิสงส์ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า

โพสต์ทูเดย์ - ทิสโก้ แนะถือเงินสดบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยงและทยอยลงทุนหุ้นญี่ปุ่นรับอานิสงส์เงินเหรียญสหรัฐแข็งค่า

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า แนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยงจากการที่ตลาดปรับฐานในช่วงนี้ และแนะนำทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการแข็งค่าของค่าเงินเหรียญสหรัฐตามการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 8 พ.ย.ปีที่แล้ว ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับตัวขึ้นมาเป็นอย่างมาก จากความคาดหวังต่อนโยบายลดภาษีและแผนการลงทุนภาครัฐจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยปัจจัยการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ค่าสัดส่วนราคาต่อกำไร (พี/อี) ซึ่งสะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังไม่ได้มีการปรับประมาณผลกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ไม่ได้มีรายละเอียดด้านนโยบายเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นตามที่ตลาดคาดหวัง จึงทำให้นักลงทุนเริ่มทยอยขายหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมามาก

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังเผชิญแรงฉุดจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงแรงในช่วงนี้ หลังจากสต๊อกและปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐกลับมาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สวนทางกับความต้องการของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก) ที่ตกลงลดปริมาณการผลิตเพื่อควบคุมสต๊อกน้ำมันดิบโลกที่อยู่ในระดับสูงให้กลับมาลดลงในปีนี้ โดยราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นมาราว 20% หลังจากข้อตกลงลดปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกในเดือน พ.ย.ได้ทำให้ผู้ผลิตน้ำมันเชลออยล์ในสหรัฐเริ่มกลับมาลงทุนขุดเจาะน้ำมันอีกครั้ง ซึ่งจะเห็นได้จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นถึงเกือบเท่าตัว และทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากสหรัฐกลับมาเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงพลังงานสหรัฐ ประเมินว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันจากสหรัฐ จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2018 ที่ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน

ดังนั้น จึงคาดว่าราคาน้ำมันและตลาดหุ้นโลกยังอยู่ในช่วงปรับฐาน เนื่องจากยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ โดยนักลงทุนควรจับตาการรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (โออีซีดี) ในวันที่ 15 มี.ค.ที่จะถึงนี้ หากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรวมของโออีซีดีกลับมาเพิ่มขึ้นตามสต๊อกในสหรัฐ ก็อาจเป็นปัจจัยชี้ว่า การลดปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกที่ผ่านมานั้นยังไม่เพียงพอที่จะกำจัดการผลิตส่วนเกินในตลาดโลก นอกจากนี้ เรายังต้องติดตามผลการประชุมโอเปกครั้งถัดไปในวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งสมาชิกจะกลับมาหารือกันว่าจะต่ออายุข้อตกลงลดปริมาณการผลิตซึ่งจะหมดอายุลงในเดือน มิ.ย.ต่อไปอีกหรือไม่ ซึ่งหากโอเปกไม่สามารถตกลงกันได้ ราคาน้ำมันก็มีความเสี่ยงที่จะกลับมาลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 มี.ค.ปิดที่ 1,539.91 จุด ลดลง 9.33 จุด หรือลดลง 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 39,569.57 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากการลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงานเนื่องมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงและแรงกดดันจากการเทขายหุ้นบริษัทกรุ๊ปลีส (GL) โดยราคาหุ้น บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 88.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือลดลง 0.84%ขณะที่ GL ปิดที่ 25.25 บาท ลดลง 10.75 บาท หรือลดลง 29.86%