posttoday

5 สิ่งที่ควรทำช่วงปีใหม่

28 ธันวาคม 2559

โดย กิติชัย เตชะงามเลิศ นักลงทุนหุ้นและอสังหาริมทรัพย์

โดย กิติชัย เตชะงามเลิศ   นักลงทุนหุ้นและอสังหาริมทรัพย์

ปกติช่วงปีใหม่จะเป็นช่วงแห่งความสุขสันต์ มีงานเลี้ยง ปาร์ตี้ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แต่มีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านทำกัน ซึ่งผมเองก็จะทำอยู่เป็นประจำช่วงปลายปี คือ

1.ทบทวนสิ่งที่เราทำไปในปีที่ผ่านมา ว่าเราได้ทำสิ่งดีๆ หรือสิ่งไม่ดีกับตัวเองครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน สังคมไทย และโลกอย่างไรบ้าง สิ่งใดที่ดีก็จะนำไปปฏิบัติต่อในปีหน้า สิ่งที่ไม่ดีก็ต้องหาทางปรับปรุงให้ดีขึ้น

ส่วนในด้านการลงทุน ผมก็มัก จะทบทวนดูว่า การลงทุนในปีนั้นๆ ได้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร หุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนไปมีรายการไหนที่ตัดสินใจถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไร โดยเปรียบเทียบกับ Benchmark โดยหุ้น ในอดีตผมจะใช้ SET INDEX เป็น Benchmark บวกกับอัตราเงินปันผลซึ่งผมมักจะดีคร่าวๆ ว่ามีค่าเท่ากับ 3% แต่ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ออก SET TRI (Total return index) หรือดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์ คือ ดัชนีการคํานวณผลตอบแทนทุก
ประเภทของการลงทุนในหลักทรัพย์ให้สะท้อนออกมาในค่าดัชนี ซึ่งรวมถึงผลตอบแทนจาก Capital gain/loss สิทธิในการจองซื้อหุ้น และเงินปันผล ซึ่งต่างจาก SET Index ที่คํานวณผลตอบแทนจาก Capital gain/loss และสิทธิในการจองซื้อหุ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามผมจะคำนึงถึงสภาพตลาดหุ้นและ Sector ของ หุ้นที่ผมลงทุนประกอบด้วย และจุดมุ่งหมายที่ตัดสินใจลงทุนตั้งแต่แรกว่าคิดอย่างไร และเป็นไปตามที่คิดไหม ส่วนอสังหาริมทรัพย์ ผมจะดูจากผลตอบแทนที่ได้รับ และความรวดเร็วในการขาย

2.ทบทวนหนี้สิน (ถ้ามี) ว่าเป็นหนี้ที่เกิดจากอะไรบ้าง และอัตราดอกเบี้ยสูงต่ำอย่างไร โดยพยายามที่จะไม่ก่อหนี้เพื่อสินค้าที่เสื่อมมูลค่าได้ง่าย เช่น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ปัจจุบันนี้ธุรกิจผ่อนสินค้ารุกไปถึงเครื่องสำอางและทัวร์แล้ว ผมไม่เข้าใจคนที่ซื้อสินค้าเหล่านี้ด้วยเงินผ่อนคิดอย่างไร โดยเฉพาะเครื่องสำอางและทัวร์ ซึ่งเป็นสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็นกับชีวิตเลย ยกเว้นแต่ท่านมีเงินมากพออยู่แล้ว อยากซื้อมาใช้ หรืออยากไปเที่ยว อย่างนั้นไม่ว่ากัน

ส่วนคนที่เป็นหนี้ ควรจะพยายามลดและล้างหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงที่สุดไปก่อน ส่วนมากมักจะเป็นสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล หลังจากล้างหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงไปหมดแล้วค่อยมาเปรียบเทียบดูว่า ระหว่างคงหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ กับมีเงินเหลือนำไปลงทุนในทรัพย์สินที่คาดหวังผลตอบแทนได้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตั้งแต่ 1.50-2 เท่าเป็นต้นไป หรือจะไปล้างหนี้ให้หมดเสียก่อน แล้วค่อยคิดที่จะลงทุน นั่นคงแล้วแต่ Risk Appetite ของท่านและความเชื่อมั่นของทรัพย์สินที่จะลงทุนว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่คาดหวัง และควรตั้งสัตย์ปฏิญาณตนว่าจะไม่ก่อหนี้ดังกล่าวอีก

3.วางแผนเงินออม โดยเริ่มจากตั้งเป้ากันรายได้ไม่ต่ำกว่า 20% ไว้เป็นเงินออม ทำบัญชีค่าใช้จ่าย สร้างวินัยการออมที่เข้มงวด วางแผนประหยัดภาษีด้วยกองทุน LTF & RMF ประกันชีวิต

4.ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะท่านที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรจะตรวจทุกๆ ปีทำให้เราทราบว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา ลักษณะการใช้ชีวิตเราเป็นการส่งเสริมหรือทำลายสุขภาพของเราเอง ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลโดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชนสูงมาก ดังนั้นการที่มีสุขภาพที่แข็งแรงทำให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายด้านนี้ไปได้มากทำให้ท่านมีเงินเหลือ ที่จะไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนและเสริมความมั่นคงให้กับชีวิตของท่าน

5.วางแผนทั้งด้านการลงทุนและการใช้ชีวิตว่าจะดำเนินไปในทางใด โดยปกติช่วงปลายปีผมจะคิดว่าปีใหม่นี้ผมจะกำหนด New Year Resolution ไว้ ซึ่งทำมา 3-4 ปีแล้ว ปีนี้ New Year Resolution ของผมยังคงให้ความสำคัญกับร่างกายและจิตใจ โดยผมตั้งใจจะทำดังนี้

ก.นอนหลับให้เร็วขึ้น ตั้งใจจะนอนก่อน 22.30 น. (ข้อนี้ตั้งใจมา 3 ปีแล้ว แต่ยังทำไม่ได้ ปีนี้ต้องทำให้ได้)

ข.ออกกำลังกายและฝึกโยคะ สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่าอย่างละ 4 ครั้ง (ข้อนี้ ปีนี้ทำได้สำเร็จ)

ค.เดินสูดอากาศและรับแดดยามเช้าช่วงเวลา 07.00-08.00 น. สัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง ที่สวนสาธารณะ (ข้อนี้ตั้งใจมา 3 ปีแล้ว แต่ยังทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผมสามารถใช้เวลาเดินจากบ้านไปที่สวนสาธารณะเพียง 5 นาทีเท่านั้น)

ง.เลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพ ลดและพยายามเลิกทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ (ข้อนี้ทำได้ประมาณ 70-80%)

จ.เดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ปีละ 2-3 ครั้ง เพื่อเป็นการชาร์จแบตเตอรี่และเป็นการให้รางวัลชีวิตแก่ตนเอง (ข้อนี้ ปีนี้ทำได้สำเร็จ)

ฉ.อ่านหนังสือและนิตยสารที่ซื้อไว้ และที่สมัครสมาชิกไว้ ที่ยังไม่ได้อ่านให้หมด (ข้อนี้เป็นข้อใหม่ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. คาดว่าปีหน้าจะทำได้สำเร็จ)

อย่าลืมนะครับ สุขภาพที่แข็งแรง จะทำให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ปัจจุบันนี้ค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งจะเป็นตัวทำลายความมั่งคั่งของคุณ ยึดคติ “ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ”

ก่อนจบบทความนี้ ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้โปรดดลบันดาลให้ท่านผู้อ่านประสบความสำเร็จในการออมเงินและการลงทุน รวมทั้งมีสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงถ้วนหน้านะครับ